บันทึกรักถึง “แม่”

บทนำ บันทึกรักถึง “แม่”

เพราะลูกคนนี้ ไม่มีโอกาสพูดต่อหน้าแม่อีกแล้วว่า “รักแม่ รักแม่มาก รักแม่มากจริง ๆ รักแม่มากที่สุดในโลก” ทำให้บันทึกฉบับนี้จึงเกิดขึ้น รตจิตร อยากให้บันทึกรักถึง “แม่” ฉบับนี้เป็นอุทาหรณ์ให้สำหรับลูกหลาย ๆ คนที่รักแม่ ที่ยังมีแม่อยู่กับเรา และหากวันใดที่วันนั้นมาถึง วันที่ทุกคนไม่อยากพบเจอ วันที่ต้องสูญเสียแม่ไปจากโลกนี้ ไม่มีทางที่แม่จะกลับมา ไม่มีวันที่จะมีความสุข หรือมีความเป็นไปได้เหมือนทุก ๆ วันที่แม่ยังมีชีวิตอยู่กับเรา และสำหรับลูกที่ต้องการให้แม่จากไปอย่างสงบสุข ก็ควรอ่านบันทึกฉบับนี้ รตจิตรคิดว่าอาจจะเป็นประโยชน์อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นประโยชน์เพื่อตัวคุณเอง เพื่อครอบครัว หรือเพื่อ “แม่” สุดที่รักของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าไม่จำเป็นอย่าเอาท่านไปเข้าโรงพยาบาล แม้จะเป็นโรงพยาบาลที่แม่เป็นลูกค้ามาตลอดระยะเวลาเกือบ 30 ปีก็ตาม

ครอบครัวของรตจิตร ใช้บริการที่โรงพยาบาลเอกชนที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก เป็นโรงพยาบาลเก่าแก่ย่านฝั่งธนบุรี อาจจะเรียกได้ว่าเกือบทั้งตระกูล ตระกูลของรตจิตรเป็นตระกูลใหญ่ คือมีจำนวนคนในตระกูลมากจริง ๆ เป็นร้อย ๆ คน ไม่ได้หมายความว่า เป็นตระกูลที่มีตำแหน่งใหญ่โต พ่อและแม่มาเสียชีวิตที่โรงพยาบาลแห่งนี้ทั้งคู่ เพื่อน ๆ สามารถอ่านบันทึกรักถึง “พ่อ” ได้เช่นกัน หลังจากที่ รตจิตร เขียนบทความเกี่ยวกับแม่ฉบับนี้เสร็จแล้ว ทุกวันนี้หากมีปาฏิหาริย์ เกิดกับรตจิตร หากสามารถให้เวลาย้อนกลับไปได้ รตจิตรอยากให้วันนี้ เป็นวันอังคารที่ 29 มกราคม 2013 ก่อนที่พวกเราในครอบครัวจะตัดสินใจเอาแม่เข้าโรงพยาบาลแห่งนี้ ทั้ง ๆ ที่รตจิตรเคยฝันว่าถ้าแม่จะตาย ก็จะตายหลังวันที่ 1 เมษายน คือหลังวันครบรอบวันเกิดของแม่ และถ้าไม่ตายในปี 2556 ก็ปีหน้า 2557 แต่นอนตายที่บ้าน ไม่ใช่ไปนอนทุกข์ทรมานแสนสาหัสจริง ๆ และมาตายเพราะให้โรงพยาบาลเป็นต้นเหตุแห่งการตายของแม่ในครั้งนี้

ที่สำคัญที่สุด แม่ได้เคยสั่งกับลูก ๆ ทุกคนว่า แม่จะไม่เข้าโรงพยาบาลแห่งนี้อีกแล้ว เพราะร่างกายของแม่คง “ทนไม่ได้ แม่รับไม่ไหวแล้ว อย่าเอาแม่เข้าโรงพยาบาลนะ” แต่วันนั้นทำไมทุกคนในบ้านถึงลืมคำพูดที่แม่ขอไว้ ….. ทำให้แม่ต้องมาเสียชีวิตลง อย่างไม่ควรจะเป็น เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2013 เพราะแม่ยังแข็งแรง คำว่าแข็งแรงในที่นี้ รตจิตรหมายถึงในสภาพของแม่ ตามสภาพร่างกายของแม่ ณ ปัจจุบัน ไม่ใช่แข็งแรงตามอาการของคนทั่วไป หรือในด้านดุลยพินิจของหมอ

ตลอดช่วงเวลาที่แม่เดินไม่ได้เกือบ 10 ปี น้องชายยอมไม่ทำงาน ในขณะที่ลูกคนอื่น ๆ ทำงานบริษัท น้องชายเป็นตัวหลักของครอบครัวจริง ๆ เพราะคอยดูแลแม่เสมอเพราะแม่เดินไม่ได้เกือบ 10 ปี หลังจากที่ผ่าตัดเข่าขวาที่โรงพยาบาลแห่งนี้เช่นกัน แต่ก็เดินไม่ได้ แม่ต้องอยู่บนเตียงตลอด จะเอาอะไรก็เรียกพวกลูก ๆ โดยเฉพาะน้องชายเพราะคอยทำธุระส่วนตัวต่าง ๆ ให้แม่ พวกลูกสาวทำไม่ค่อยได้ ถ้าจะทำก็ต้องใช้คน 2-3 คนช่วยกัน ทั้งจับพลิกตัว ยกตัว คอยขยับท่าเวลานั่ง เวลานอน เวลาทายา เวลาจะกิน จะนอน ยิ่งคนเดินไม่ได้นานเพียงใด โอกาสที่จะเป็นแผลกดทับยิ่งสูง และมักจะมีแก๊สในท้องเป็นเรื่องธรรมดา น้องชายจึงรับภาระหนักมาตลอด เป็นคนทายาให้แม่ หรือแม้แต่จัดยาโรคหัวใจ และอื่น ๆ ให้แม่

แม่ของรตจิตรน่ารักมาก เพราะแม่ชอบสวดมนต์ไหว้เจ้าแม่กวนอิม แม่สวดได้ตั้งหลายบท เนื่องจากแม่เดินไม่ได้ โอกาสที่จะทำบาปจึงน้อยมาก และยังทานแต่ผักที่พวกเราต้มให้ทานทุกมื้อ การฆ่าสัตว์ตัดชีวิตจึงตัดไปได้ แม่หวังว่าเมื่อตายไป จะได้ไปอยู่กับเจ้าแม่กวนอิม รตจิตรยอมรับว่า ความจำแม่ดีมาก ขนาดลูกของรตจิตรทำธงชาติประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกแบ่งตามทวีปทั้งหมดให้แม่ท่อง เวลาแม่ว่าง ๆ อยู่บนเตียง แม่สามารถท่องได้หมดทุกประเทศจริง ๆ ชนิดที่สลับธงชาติไปมา แม่ก็บอกได้หมดอย่างถูกต้อง แม้แต่ประเทศยาก ๆ ที่คนไทยไม่คุ้นเคยในทวีปอัฟริกา นอกจากนี้แม่ยังคอยเตือนทุกคนว่าวันนี้ต้องทำอะไร เพราะพวกเราลูก ๆ มักจะไปเล่าให้แม่ฟัง เช่นพอรตจิตรพูดไว้ว่าอาทิตย์หน้าต้องไปประชุมที่สาขาบางใหญ่ พี่สาวของรตจิตรก็เล่าว่าวันอังคารหน้าต้องไปประชุมที่พระรามเก้า พอใกล้ถึงวันนั้น แม่จำได้หมด คอยเตือนพวกเรา

นอกจากนี้แม่ยังคอยบอกรตจิตรว่าพรุ่งนี้วันพระ เพราะรตจิตรและลูกชอบทำกับข้าวใส่บาตรมาก เพื่อทนุบำรุงศาสนาพุทธให้อยู่ไปตลอดตราบนานเท่านาน แต่ไม่ค่อยชอบใส่บาตรในวันพระ เพราะวันพระต้องไปใส่บาตรที่วัดใดวัดหนึ่ง ไม่มีพระตามวัดต่าง ๆ เดินตามท้องถนนให้พวกเราใส่บาตร ที่สำคัญที่สุดชาวบ้านจะถวายของคาว ของหวานกันมากจริง ๆ ซึ่งรตจิตรคิดว่ามากกว่าจำนวนพระสงฆ์ หรือเณร รวมถึงเด็กวัดเสียด้วย แม่คอยบอกเสมอ หรือแม้แต่ตอนที่รตจิตรบอกว่า จะใส่บาตรวันมะรืนนะเพราะพรุ่งนี้วันพระ แม่ก็คอยเตือนเสมอ คอยเป็นเลขา ฯ ที่ดีของลูก ๆ ทุกคน

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเราเอาโทรศัพท์ไว้ข้างเตียงแม่ หลายต่อหลายครั้ง แม่ของรตจิตรจึงเป็นคนคอยรับโทรศัพท์ บางวันรตจิตรไปปฏิบัติธรรมที่วัด พอหัวหน้าของรตจิตรโทรมา แม่สามารถจดจำได้หมด ไม่ต้องจด เพราะช่วงหลัง ๆ แม่เริ่มมองไม่ค่อยเห็นแล้ว แต่ทุกวันนี้ไม่มีเสียงแม่คอยเตือน ไม่มีเสียงแม่สวดมนต์ ไม่มีเสียงบีบแตรของแม่เพื่อคอยเรียกพวกลูก ๆ ให้ทำอะไรให้ ไม่มีเสียงแม่บ่นให้ลูก ๆ ฟังว่า เมื่อไรจะเดินได้ ไม่มีเสียงบ่นว่าใครมาเผาหญ้าอีกแล้ว ไม่มีเสียงแม่ที่คอยเรียกให้ลูกมาป้อนยา ให้ลูกป้อนข้าว ป้อนผัก หรือเสียงเรียกขอแม่กินน้ำ ฯลฯ บ้านเงียบเหงาไปถนัดตา เงียบ ๆ เหลือเกิน ของใช้เก่า ๆ ของแม่ พวกลูก ๆ ยังเก็บไว้ แต่ภาพเก่า ๆ ไม่มีให้เห็นอีกแล้ว แม่จ๋า ลูกคิดถึงแม่มาก รตจิตรชอบพูดกับตัวเองว่า “ลูกขอโทษ”

ย้อนไปเย็นวันอังคารที่ 29 มกราคม 2013 พอรตจิตรเสร็จงานในห้องครัวก็ขึ้นไปห้องของตัวเองที่ชั้น 2 ถ้าย้อนเวลากลับไปคืนวันอังคารที่ 29 มกราคม 2013 ได้ รตจิตรจะไม่ยอมเอาแม่เข้าโรงพยาบาลแห่งนี้ แม้ว่าจะมีหลายเสียงที่บอกรตจิตรว่า มันไม่ใช่ความผิดของ รตจิตร แต่เพราะ “หมอ หมอต่างหาก” ที่ช่วยกัน ที่เป็นคนทำให้แม่ของรตจิตรต้องทุกข์ทรมานแสนสาหัส และในที่สุด แม่ก็ต้องจากโลกนี้ไปเพราะทนกับการกระทำต่าง ๆ ที่โรงพยาบาลจัดให้ไม่ไหว

อ่านข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมที่
วันที่ตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต
วันที่แม่เข้าห้อง ICU ของโรงพยาบาล
ใครทำกระดูกขาของแม่แตก
จดหมายด่วนที่สุดถึงประธานโรงพยาบาล
การกระทำที่ไร้มนุษยธรรมของหมอ
หลังจากแม่จากไป

สงวนลิขสิทธิ์โดย © รตจิตร
~~~~

Advertisement

Leave a comment

Filed under Everything_Okay

Leave a Reply ถาม หรือ แสดงความคิดเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.