ทุกวันนี้ พอรตจิตรเห็นรูป รูปปั้นของเจ้าแม่กวนอิม หรือแม้แต่บทสวดมนต์เจ้าแม่กวนอิม ความรู้สึกว่าแม่อยู่ใกล้ ๆ แม่อยู่กับเจ้าแม่กวนอิมแล้ว แม้จะคิดถึงแม่มาก แต่ก็พยายามคิดเสมอว่า แม่ไปสบายแล้ว แม่ได้อยู่กับเจ้าแม่กวนอิมที่แม่ปรารถนามาตลอดในช่วง 5 ปีหลัง ๆ ที่แม่อยู่บนเตียง ลาก่อนแม่ที่ดีที่สุด ที่คอยเตือนเราทุกอย่าง ที่คอยบอกให้ลูก ๆ เป็นคนดี ให้สติลูก ๆ ไม่ให้ทะเลาะกัน รตจิตรยังคงร้องไห้ทุกครั้งที่คิดถึงแม่ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองถือได้ว่าเป็นลูกศิษย์ธรรมะใต้โบสถ์ พอจ. ครรชิต คุณวโร ณ วัดญาณเวศกวัน ท่านเคยสอนว่า หากคนที่เรารักต้องจากไป แล้วเรามาร้องไห้ กลับจะทำให้วิญญาณของเขาไม่เป็นสุข แต่พอเหตุการณ์นี้เกิดกับรตจิตรจริง ๆ กลับทำไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้นหากย้อนไปอ่านในหัวข้อที่ พอจ. ให้พวกเราทำในวันแม่ วันที่ 11 ส.ค. 2012 แล้ว น้ำตายิ่งไหลมากกว่าเดิม รตจิตรจึงขอทิ้งท้ายไว้ เผื่อเพื่อน ๆ จะใช้สมาธิลอง list เรื่องราวต่าง ๆ ตามหัวข้อนี้ออกมา แล้วเพื่อนจะรู้ว่าถึงเวลาหรือยัง ที่เพื่อน ๆ จะรักแม่มากขึ้น ควรตอบแทนบุญคุณท่านทันที อย่าผลัดวัน หรือผลัดเวลาแม้แต่นาที วันนี้เพื่อน ๆ ที่โชคดีที่ยังมีพ่อหรือแม่อยู่ด้วย รตจิตรขอเตือนเพื่อน ๆ ด้วยความหวังดี อย่าลืมท่านนะ! ไม่ว่าเพื่อนจะเป็นลูกชาย หรือลูกสาว เหมือนกับตัวอย่างที่ พอจ. เล่าถึง forwarded e-mail ที่นิยมกันฉบับหนึ่งเรื่อง “คุณเคยอกหักหรือไม่?” ว่า ชายคนหนึ่งอกหัก เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง ไม่ยอมทำอะไรจริง ๆ แม่ของเขาพยายามคุยกับเขาอยู่หน้าประตู และประโยคสุดท้ายของแม่คือ
แม่: แม่จะแนะนำหญิงคนหนึ่งให้ลูก เอามั้ย?
ยังมีผู้หญิงอีกคนที่รักเราสุดหัวใจ เราอาจจำไม่ได้แล้วว่า เราลืมเธอไปนานแค่ไหนแล้ว ลูกจะรักผู้หญิงคนนี้ได้มั้ย?
ตอนนี้ลองมาดูหัวข้อกิจกรรมที่พอจ. ให้ทำกันบ้าง “อะไรที่เราทำผิดกับคุณพ่อคุณแม่บ้าง”
เริ่มกิจกรรม
พ่อของรตจิตร จากโลกนี้ไปนานแล้ว รตจิตรจึงเขียนเฉพาะด้านแม่ โดยใช้สรรพนามแทนตัวเองว่า “เค้า” รตจิตร ไม่อายที่จะแชร์ให้เพื่อน ๆ อ่าน หากมันช่วยให้เพื่อน ได้คิด ได้กลับไปหาแม่ ไม่ทิ้งให้แม่เหงา ให้เวลาท่าน ฯลฯ ดังนี้
1. ตอนประถม
เค้าเล่นกับเพื่อน ๆ แถวบ้านมากไป ทำให้แม่มีแต่ใช้เวลาทำงานบ้าน
2. ตอนมัธยมต้น
เค้าต้องผ่าไส้ติ่งกะทันหัน แม่มีแต่เฝ้าที่โรงพยาบาลจงจิน หรือแม้แต่พี่สาวของเค้า แม่ก็เฝ้า น้องชายเข้าโรงพยาบาล แม่ก็เฝ้าได้ แต่พอแม่ไม่สบาย ลูก ๆ กับเกี่ยงกันที่จะนอนเฝ้า ทั้ง ๆ ที่แม่ 1 คน เฝ้าลูก ๆ ที่โรงพยาบาลได้ทุกคน แต่ลูก ๆ กลับต้องจัดตารางกันเพื่อเฝ้าแม่เพียง 1 คน
3. ตอนมัธยมปลาย
แม่ดีใจที่เค้า Entrance ติด แทนที่เค้าจะไปฉลองกับแม่ แต่กลับไปฉลองกับเพื่อน ๆ ที่ Ent. ติดพร้อมเค้า
4. ตอนเริ่มปริญญาตรี
แม่พาเค้าไปเลี้ยงที่ร้านอาหารศรแดง เค้าให้แค่เงินเดือนบางส่วนแม่ แต่กลับไม่ค่อยให้เวลา เพราะแต่ละวันกลับมาก็เหนื่อย เข้านอน
5. ตอนจบปริญญาโท
แม่ดีใจที่เค้าจบ แต่เค้ากลับยิ่งไม่ค่อยมีเวลาให้แม่ มีแต่ให้กับงาน
6. ตอนแต่งงาน
เค้าให้เวลาแต่ครอบครัวของเค้ามากกว่าให้เวลาแม่
7. พอลูกของรตจิตรโต
เค้าเคยบอกแม่ว่า เค้าต้องจ่ายโน่น จ่ายนี่ เยอะแยะ แต่เท่าที่จำได้ แม่ไม่เคยพูดให้เค้าฟังเรื่องนี้เลยว่า ต้องจ่ายอะไรบ้าง
8. ตอนแม่เดินไม่ได้
เค้ากลับไม่ให้เวลาแม่เท่าไร ถ้าเปรียบเทียบกับตอนที่เค้าเป็นทารก หรือช่วงที่เป็นเด็กเล็ก ๆ ที่ยังเดินไม่เป็น หรือเดินไม่แข็ง
9. ตอนแม่เล่าเรื่องของแม่
เวลาแม่เล่าถึงความลำบากของแม่ เค้ากลับไม่ใส่ใจมากนัก แต่กลับกัน เค้าเอาแต่รู้สึกแต่ด้านของเค้าที่เลี้ยงลูกมา เพราะแฟนของเค้าเสียชีวิตตั้งแต่ลูกของเค้าอายุได้เพียง 1 เดือน และเงินในบัญชีตอนนั้นก็มีแค่หมื่นบาท หมื่นเดียวจริง ๆ เค้าก็เลยรู้สึกแต่ว่าตัวเองลำบากกว่าจะมาถึงวันนี้
ก่อนจบบันทึกรักถึง “แม่” ฉบับนี้ เค้าขอขอบคุณที่แม่ทำสิ่งเหล่านี้ให้เค้า
1. ให้กำเนิดเค้า และดูแลเลี้ยงดูเค้าเป็นอย่างดี อย่างน้อยก็เป็นคนดีในสังคม เหมือนแม่ พวกเราไม่เคยเบียดเบียนใคร และอีกมากมายที่แม่ให้กับเค้า ที่ไม่สามารถเขียนได้ในบันทึกฉบับนี้
2. คอยตักเตือน และคอยเตือน แม่ว่าตอนนี้เค้าจะอายุมาก จนลูกโตกันแล้ว
3. แม่คอยตักเตือน และคอยเตือน แม้ลูกของเค้า หลานแท้ ๆ ของแม่
4. ขอขอบคุณที่แม่คอยให้เวลาทั้งกับเค้าเอง กับลูกของเค้า ตั้งแต่เล็กจนทุกคนโตทำงานกันหมดแล้ว
5. เค้าขอขอบคุณที่แม่ทำให้เค้ารู้สึกว่า แม่ที่ดีต้องทำอย่างไร
ณ วันนั้น วันที่ 11 ส.ค. 2012 รตจิตรได้สัญญาว้าตอนทำหัวข้อที่ พอจ. ครรชิต คุณวโร ให้เวลาพวกเราทำให้เสร็จใต้โบสถ์ว่า เค้าขอขอบคุณและสัญญาว่าจะให้เวลาแม่มากขึ้นค่ะ จะเอาใจใส่แม่ เพราะทุกวันนี้ ไม่ค่อยมีใคร ไม่ค่อยมีลูกคนไหนให้เวลาแม่ ต่างคนไปหาแม่ที่เตียงเพื่อจะเล่าแต่เรื่องตัวเองว่า วันนี้เจอะเจออะไรมาบ้าง แทบจะไม่ได้ถามเรื่องของแม่เลย เค้าขอบคุณแม่มาก และเค้าขอโทษแม่ ลูกขอโทษ ตอนนั้น พอจ. ก็เปิดเพลงที่เด็กกำพร้าทุก่งมหาเมฆและบ้านเมตตาแต่งและร้องเองว่า “กอดหมอนไม่เคยอุ่นใจ อุ่นใด ๆ ไม่เท่าอุ่นไอรัก จากแม่….” ทำนองนี้ รตจิตรจำไม่ค่อยได้แล้ว
วันนั้น ลูกของรตจิตร บอกกับรตจิตรทั้งน้ำตาว่า ความจริงอยากเอาแม่มาที่วัดญาณเวศกวัน ด้วย แต่เสียดาย แม่เดินไม่ได้ เราเคยช่วยกันอุ้มแม่ขึ้นรถไปไหนด้วยกัน แต่ระยะหลังทำไม่ได้เลย เพราะแม่เป็นโรคหัวใจ จะเหนื่อยและหอบง่าย ซึ่งอาจเป็นอันตราย จนแม่ไม่อยากไปไหน
6. สิ่งที่เค้าอยากบอกแม่ว่า
(1) เค้ารักแม่มากนะ และลูกหลานทุกคนก็รักแม่นะ พวกเค้าไม่ค่อยพูดว่า “รักแม่” แต่พวกเค้ารักมากอยากบอกว่ารัก เนื่องจากธรรมเนียมของครอบครัวจีน ๆ ทำให้ไม่ค่อยพูดคำนี้กัน “เค้ารักแม่นะ รักมากด้วย”
(2) เค้าอยากให้แม่อย่าคิดแต่เรื่องจะตาย วันไหน อีกกี่วันจะตาย เพราะแม่มีแต่นอนอยู่บนเตียง ไม่เห็นอะไร ไม่เห็นโลกภายนอก ไม่ได้ดู TV เพราะแม่บอกว่าปวดหัว ไม่มีใครคุยด้วย ทำให้ช่วงนั้นแม่เลยคิดแต่เรื่องเดียว คือเรื่องจะตายวันไหน
7. สิ่งที่เค้าตั้งใจทำให้แม่มีสุขตั้งแต่นี้ไป
(1) ให้เวลาแม่ทุกวัน แม้ช่วงสั้น ๆ ตอนกลางคืนหลังกลับถึงบ้านก็ยังดี
(2) คุยให้แม่มีความสุข และทำสิ่งที่แม่ต้องการ เช่นตัดเล็บ ทายาที่เท้า เกาขาให้แม่ เป็นต้น
(3) เค้าอยากให้ลูกของเค้า ให้เวลาแม่ เท่ากับ ที่เค้าจะให้เวลาแม่ด้วย
(4) ทำบุญให้แม่ตลอด เพื่อสะสมผลบุญให้แม่ ซึ่งเค้ารู้ดีว่าแม่เหลืออายุน้อยแล้ว
จบกิจกรรม
เพื่อน ๆ อ่านบันทึกของรตจิตรจบแล้ว หมายถึงต้องลองทำกิจกรรมวันแม่นี้ด้วยนะ และจะรู้ว่ามีประโยชน์จริง วันนี้ขอสวัสดี ก่อนที่จะเขียนบันทึกรักถึง “พ่อ” ซึ่งเป็นแบบสั้น ๆ จ้า
♦ บทนำ บันทึกรักถึง “แม่”
♦ วันที่ตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต
♦ วันที่แม่เข้าห้อง ICU ของโรงพยาบาล
♦ ใครทำกระดูกขาของแม่แตก
♦ จดหมายด่วนที่สุดถึงประธานโรงพยาบาล
♦ การกระทำที่ไร้มนุษยธรรมของหมอ
สงวนลิขสิทธิ์โดย © รตจิตร
~~~~
Pingback: ทำอย่างไรจึงจะหยุดยั้งตนเองไม่ให้ฆ่าตัวตาย | Sw-Eden.NET