จดหมายฉบับที่ 1 ลว. 31 มกราคม 2013
เรื่อง ขอร้องเรียนเรื่องกระดูกของแม่รตจิตรร้าวเพราะห้อง ICU เพื่อรายงานถึงประธานของโรงพยาบาลทราบเหตุการณ์นี้
ใคร ใคร ทำขาซ้ายแม่ ใครทำให้แม่กระดูกแตกหมด เหตุการณ์ชั่วร้ายที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลที่มีชื่อแห่งนี้ของฝั่งธน ฯ ทำให้รตจิตรต้องรีบเขียนจดหมายด่วนที่สุด ฉบับแรก ลว. 31 มกราคม 2013 ทำให้ผู้ตรวจการที่ ICU ยอมให้น้องชายของรตจิตรนอนเฝ้าที่ห้องคนเยี่ยม และสามารถเข้ามาดูหรือทำธุระส่วนตัวให้แม่ได้ตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องเข้าออกตามเวลาของห้อง ICU แล้ว ทั้ง ๆ ที่ครั้งแรกรตจิตรก็ขอร้องผู้ตรวจการ ขอร้องพยาบาลไม่รู้กี่ครั้ง เพราะไม่ไว้ใจการพลิกตัวแม่ การดูแลแม่ อยากให้น้องชายเป็นธุระทั้งหมด แต่เมื่อโรงพยาบาลทำให้กระดูกขาของแม่แตกหมด ผู้ตรวจการจึงเพิ่งอนุญาต
ส่วนตัวแล้ว รตจิตรไม่ค่อยชอบผู้ตรวจการคนใหม่คนนี้ที่เพิ่งมารับหน้าที่ต้นปี 2013 ซึ่งผิดกับคนเก่า เพราะเธอเป็นคนพูดจาโดยไม่มีความเห็นใจคนไข้ เป็นคนที่ไม่มีความรู้สึก คิดว่าแม่ของรตจิตรเป็นเพียงสิ่ง ๆ หนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีน้ำจิตน้ำใจว่าเป็นคน แม้ว่าเธอจะพยายามพูดเปรียบกับพ่อของเธอที่เป็น Alzheimer เพื่อให้รู้ว่าเธอเข้าใจความรู้สึกของพวกเราก็ตามที แต่เปล่าเลย เธอเป็นผู้ตรวจการที่ไม่มีความรู้สึก ไม่รู้ว่าความรักของลูก ๆ ที่มีต่อแม่นั้นมากเพียงใด และขณะนั้นพวกเราสงสารแม่ขนาดไหน เธอไม่รู้แม้แต่ว่าแม่ของพวกเราเจ็บปวดแสนสาหัสจากการกระทำของโรงพยาบาล โดยที่แม่ไม่ได้เป็นผู้ก่อเลย เธอไม่รู้เสียด้วยว่าไม่มีอะไรแลกกับกระดูกขาของแม่ที่แตกทั้ง 2 ข้าง เธอพูดแต่ว่า “คุณรตจิตรไม่ต้องห่วง ค่ารักษาเรื่องกระดูกแตก ทางโรงพยาบาลไม่คิดจากคุณ” เธอเน้นเรื่องค่ารักษาตรงนี้ถึง 2-3 ครั้ง แสดงให้เห็นว่า ใจของผู้ตรวจการคนนี้มีแต่เรื่อง “เงิน และ เงิน” และในความเป็นจริง เมื่อแม่ตาย ทางโรงพยาบาลก็ลดให้เฉพาะค่ารักษากระดูกประมาณ หมื่นต้น ๆ ส่วนเรื่องอื่น ๆ ที่ตามมาเพราะกระดูกแตก เช่นการให้เลือดถึง 5 ถุง จนแม่ตัวร้อน หน้าแดงไปหมด และการใช้ยาอื่น ๆ ก็ไม่ได้รวมอยู่ในส่วนลดนี้ แต่ช่างมันเถอะ สิ่งที่รตจิตรพูดกับผู้ตรวจการคือ พวกเราไม่เคยคิดเรื่องเงินเลย ตอนนั้นเราคิดเรื่องเดียวคือ เราต้องการแม่ ต้องการให้แม่เหมือนเดิม อย่างน้อยเท่ากับวันที่เอามาเข้าโรงพยาบาลแห่งนี้ ต้องการแม่ของพวกเราในสภาพเดิม ที่แค่เดินไม่ได้ แต่ไม่ใช่กระดูกแตกรายวัน กระดูกแตกหมดทั้ง 2 ข้าง และก่อนจบการสนทนา รตจิตรถามผู้ตรวจการคนนี้ว่า
รตจิตร : สรุปเรื่องของแม่ คุณจะทำอย่างไร? รตจิตรอยากรู้ว่าใคร เป็นคนทำให้แม่เป็นแบบนี้ ใครทำกระดูกขาของแม่แตกทุกวัน มันต้องมีคนรับผิดชอบ ทำไมถึงลอยนวล
ผู้ตรวจการ : เอาอย่างนี้นะ เดี๋ยวทางโรงพยาบาลจะลดค่ารักษาขาให้แม่ของคุณ
ตอนที่ผู้ตรวจการเรียกรตจิตรเข้าไปคุยในห้อง 2 ต่อ 2 ผู้ตรวจการพูดเลยว่ายอมรับในการกระทำ ที่ทำกับแม่ไป แต่วันหลัง ๆ ที่พูดต่อหน้าคนอื่น กับปัดตลอด พูดแต่คำว่า เอาน่า เอาน่า เดี๋ยวช่วยกันดู
จดหมายฉบับที่ 2 ลว. 4 กุมภาพันธ์ 2013
เรื่อง ขอความเป็นธรรมจากเรื่องกระดูกของแม่รตจิตรแตกร้าวที่ห้อง ICU
รตจิตรเขียนส่งประธานของโรงพยาบาลอีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่วันแรกที่พวกข้าโรงพยาบาลนั้น น้องชายของรตจิตรได้เขียน memo ให้นางพยาบาลด้วยว่าต้องระวังอะไร แต่ไม่มีใครใส่ใจ บางคนแอบหัวเราะเสียด้วย จนเหตุการณ์เลวร้ายนี้เกิดขึ้นกับแม่เพราะความชะล่าใจ หรือความประมาทในหน้าที่ หรือไม่คิดว่าคนอื่นก็คือ “มนุษย์”
รตจิตรทราบจากผู้ช่วยหัวหน้าพยาบาลว่า เช้าพุธที่ 30 มกราคม หมอที่เป็นหมอหลักมาตรวจแม่ ก็ยังไม่มีอะไรผิดปกติที่ขา แต่เวลาประมาณ 13-14 น. บ่ายวันเดี่ยวกัน หลังจาก Ultrasound และ X-ray มีเลือดออกที่ขาซ้ายของแม่ หมอจึงแนะนำหมอด้านกระดูกแตกร้าวมาตรวจแม่ และเข้าเฝือกขาซ้าย
ก่อนวันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ มีการเจาะเลือดและ X-ray เกือบทุกวัน ทั้ง ๆ ที่กระดูกขาทั้ง 2 ข้างแตกร้าวหมด ไม่มีลูกคนไหนอดทนเห็นแม่เจ็บ เห็นแม่เสียเลือด เห็นแม่ร้องไห้ หรือเห็นแม่มองพวกเราเหมือนว่าทำไมพาแม่เข้ามาทรมานที่นี่ ที่ที่แม่ไว้ใจเป็นลูกค้ามาเกือบ 30 ปี ไม่มีใครสามารถย้อนเวลากลับไปได้ ทั้ง ๆ ที่ถ้าทำได้ รตจิตรอยากให้แม่กลับไปเหมือนวันที่ก่อนพวกเราจะตัดสินใจกันเองเอาแม่เข้ามาโรงพยาบาลนรกแห่งนี้ ในช่วงที่แม่หลับ
เวลาล่วงเลยไป แต่เรื่องการติดตามว่าใครทำแม่ ใครทำกับแม่เช่นนี้ ไม่มีใครตอบ รตจิตรเองอยากได้ความจริง อยากให้ชดใช้สุขภาพของแม่คืนกลับให้พวกเรา แต่เรื่องก็เงียบ กระดูกแตกร้าวที่ทำให้เสียเลือด Plasma ต่ำ ยิ่งต้องให้เลือดเพิ่ม จนหมอต้องสั่งให้เลือดแม่ถึง 5 ถุง ความเครียดประดังเข้ามา ความเจ็บปวดซ้ำเติมแม่เพราะคนที่โรงพยาบาลเป็นคนทำแม่ ทุกครั้งที่เข้าเฝือก (แบบฝาเดียว) ทุกครั้งที่ต้องเปลี่ยนเฝือก หรือขยับแม่ แม่ต้องเสียน้ำตา พวกลูก ๆ รู้สึกผิดมาก ที่เอาแม่เข้ามาเจ็บ เข้ามาทรมาน เอาแม่เข้ามาให้เครียดในหลาย ๆ เรื่องที่ตามมาจากคนของ โรงพยาบาล ทำแม่กระดูกแตกร้าว การเสียเลือด ความเครียดจนเหนื่อย จนโอกาสที่จะลดเครื่องช่วยหายใจยิ่งถดถอยน้อยลง
การเจาะเลือด และ X-ray แม่ ทำมาตลอด และการให้ยาแรง ๆ ให้ฟอสโฟมัยซิน สเตียรอยด์ ยาแก้เสบอย่างแรงที่ทำให้เห็นภาพหลอน ผวา แม่ไม่ยอมนอน 2 วัน ศุกร์ที่ 8 และวันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ ลูกทุกคนเริ่มโกหกแม่ ทั้ง ๆ ที่ลูกไม่ควรพูดปดกับแม่ แม่ผู้เปรียบเหมือนอริยสงฆ์ของพวกเรา ว่า ให้ทนนะ ใกล้วันที่จะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว รตจิตรจะท่องบทสวดเจ้าแม่กวนอิมไปพร้อม ๆ กับเปิดเทปให้แม่ฟัง ยิ่งท่องยิ่งไม่รู้เรื่อง เพราะรตจิตรเอาแต่ร้องไห้ และคอยกลั้นน้ำตา แต่กลั้นไม่ไหว ทุกครั้งที่แม่ได้ฟัง แม่จะสงบและหลับลงได้บ้าง หมอต้องให้ยานอนหลับแม่ จนแม่หลับตลอด 2 วัน
เช้าวันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ รตจิตรรู้ว่าการเจาะเลือดแม่ในวันนั้น ยากมาก เพราะเส้นเลือดของแม่ทุกส่วนที่สามารถเจาะได้ แตกหมดแล้ว รตจิตรขอร้องหมอว่าให้แม่พักก่อนสัก 2 วันได้มั้ย คือพวกเราไม่สนใจเรื่องที่ต้องวัดค่าต่าง ๆ ให้ได้ตามมาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็น โปรตีน เกลือแร่ calcium plasma ฯลฯ แม่เจ็บทรมานมามากแล้ว ซึ่งหมอที่ตรวจเรื่องปอดติดเชื้อก็บอกว่า ได้ คือให้หยุดเจาะเลือด 2 วัน ดังนั้นจะเจาะเลือดตรวจดูอีกครั้งวันที่ 13 กุมภาพันธ์ แต่หมอก็โกหก โกหกกันหมดทุกคน
♦ บทนำ บันทึกรักถึง “แม่”
♦ วันที่ตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต
♦ วันที่แม่เข้าห้อง ICU ของโรงพยาบาล
♦ ใครทำกระดูกขาของแม่แตก
♦ การกระทำที่ไร้มนุษยธรรมของหมอ
♦ หลังจากแม่จากไป
สงวนลิขสิทธิ์โดย © รตจิตร
~~~~
Pingback: 5 วิธี ทำอย่างไร น้องหมาจึงไม่อ้วก อาเจียนในรถยนต์ | Sw-Eden.NET