Angry Parents
รตจิตรเขียนหัวข้อนี้เพื่อหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อพ่อแม่หลายครอบครัว อย่างน้อยก็เพื่อเตือนสติ หรือให้เกิดสติในการใช้ชีวิตช่วงที่ลำบาก หลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเจอมรสุมทางเศรษฐกิจทั้งจากภายในประเทศ และจากต่างประเทศ ทำให้หลายคนเจอะเจอปัญหาต่าง ๆ นานา ทั้ง ภาวะขาดเงิน รายได้ลดต่ำลง แต่รายจ่ายกลับพุ่งพรวด เพราะราคาสินค้าที่ปรับขึ้นแล้ว ไม่เคยปรับลงเลย รตจิตรขอยกตัวอย่างสินค้าที่คนไทยคุ้นเคย คือน้ำตาล รตจิตรเคยซื้อน้ำตาลทรายถุงกิโล ที่ราคาเพียง 10 บาท ในอดีต ราคาน้ำตาลจะสูงเฉพาะช่วงที่ปิดหีบอ้อย และปรับลงเมื่อถึงฤดูอ้อย แต่ปัจจุบันราคาสูงตลอด อยู่ที่ 23.50 บาทต่อกิโล เป็นต้น นอกจากนี้ ภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย ทำให้บางบริษัท มีการปรับลดคนงานลง หรืออาจปรับลดเงินเดือนด้วยซ้ำ
พิษของเศรษฐกิจที่รุมเร้า ในขณะที่ค่าครองชีพสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งขโมยโจรก็มากขึ้น แต่ตำรวจ หรือผู้พิทักษ์สันติราชทำอะไรไม่ได้ ทำให้ความเป็นอยู่ของประชาชนยิ่งยากลำบากขึ้น หลายครอบครัวเริ่มมีการทะเลาะเบาะแว้งกัน มีการหย่าร้าง ขาดความรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในครอบครัว พ่อแม่กลายเป็นคนใช้อารมณ์ในการดำรงชีวิตอยู่มากขึ้น จนบางครั้งลืมคนที่ตนเองบอกว่ารักที่สุด ลืมความรักความเอาใจใส่ที่ควรมีให้ลูก
ตัวอย่างประกอบของบทความ
วันที่ 4 เมษายน 2558 เมืองพัทยา ถ้ารตจิตร จำไม่ผิด ผู้ที่ช่วยให้เหตุการณ์ดังกล่าวดีขึ้น น่าจะเป็น คุณ สุนทร สรรคพงษ์ หน่วยกู้ภัยมังกรพิจิตร 112 จากเหตุผัวเมียทะเลาะกัน อย่างรุนแรง ถึงกับทำร้ายกัน โดยคว้ามีดขว้างใส่กัน จนมีดไปโดนหน้าลูกตัวเองเป็นแผลฉกรรจ์
นอกจากนี้ ยังมีตัวอย่างอีกหลายเรื่องที่พ่อแม่เป็นคนฆ่าลูก และฆ่าตัวเองตายตาม เพื่อหนีปัญหาหนี้สิน หรือปัญหาโรคร้าย แต่ไม่มีเงินรักษา หรือแม้แต่ ความขัดแย้งของพ่อแม่ จนทำให้ต้องแยกทางกันอยู่ ฝ่ายหนึ่งหนีไป ไม่รับผิดชอบ หรือถูกไล่ออกจากบ้าน อีกฝ่ายไม่รู้จะทำอย่างไร จึงหนีปัญหาโดยฆ่าตัวตาย ทิ้งลูกไว้ หรือเลวร้ายที่สุด ถึงกับ อาจฆ่าลูกตัวเองตายตามกันไป หรือแม้กระทั่งเมื่อพ่อแม่ทะเลาะกัน กลับใช้อารมณ์ใส่ที่เด็กฝ่ายเดียว เป็นต้น เด็กมักจดจำภาพที่พ่อแม่ใช้อารมณ์ได้ดี และอาจจำได้ดีกว่าภาพที่คุณแสดงความรักต่อพวกเขา เหมือนเช่นพวกเราที่จำเรื่องร้าย ๆ ที่เข้ามาในชีวิตได้แม่นยำ และจำได้นาน จำได้ดีกว่าเรื่องที่ประทับใจเสียด้วยฉันใด ลูกก็ไม่ได้แตกต่างฉันนั้น