รีวิวหนัง Mission: Impossible – Fall Out

Review MI 6 ภารกิจพิชิตนาทีวินาศ
รีวิวโดย รตจิตร
Concluded by Ratajit | July 29, 2018

**งานเขียนของ รตจิตรนี้ ถือเป็นวิทยาทานเพื่อให้ทุกคนได้อ่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อน ๆ ที่ชอบดูหนัง ประเภทหนัง action และเพื่อนบางคนที่เป็นแฟนของทอม ครูซ หรือเป็นแฟนหนังเรื่อง Mission Impossible, MI อย่างรตจิตรจะดูเรื่อง MI ทุกเรื่อง และตอนนี้ก็คือ MI 6 ทั้งนี้ห้ามมิให้คัดลอกนำไปใช้เพื่อการค้าหรือนำไปใช้ในเว็บไซต์อื่น ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งนี้อนุญาตให้นำไปใช้ในสถาบันการศึกษาเพื่อเป็นธรรมทาน โดยต้องอ้างอิงแหล่งที่มาและชื่อผู้เขียน

รตจิตรคิดว่า เนื้อเรื่องย่อของ Mission: Impossible – Fall Out คงไม่ต้องเขียนถึงเพราะตาม websites มีมากมาย แต่หลังจากดูเรื่อง Mission: Impossible – Fall Out วันแรก รอบแรก พฤหัสที่ 26 กรกฎาคม 2561 รตจิตรอยากสรุปประเด็นตามความเห็นส่วนตัวของรตจิตร ดังนี้

จุดเด่นของเรื่อง Mission: Impossible – Fall Out

1. สนุก ตื่นเต้น เร้าใจ ตลอด
สมกับการรอคอย การดำเนินเรื่องเร็วตลอด เป็นหนัง action ที่สนุกทีเดียว และสามารถใช้ทำนองเดิมตั้งแต่ภาคแรก มาดำเนินเรื่องได้ตื่นเต้นตลอด ทำให้หนังไม่เงียบ แต่กลับทำให้คนชมลุ้นระทึกตามไปด้วย ได้เป็นอย่างดี

2. แฝงมุขตลก ตลกแบบคนมีความรู้
ภาพยนตร์หลายเรื่อง มีมุขตลกชั้นต่ำ แต่เรื่อง Mission: Impossible – Fall Out ไม่ใช่แบบนั้น MI 6 สอดแทรกมุขตลกแบบมีสมอง เช่น การดูแผนที่เพื่อบอกทางแก่อีธาน ฮันต์ แสดงโดย ทอม ครูซ (Tom Cruise) และคนที่ดูแผนที่ก็คือ เบนจี้ ดันน์ ซึ่งได้ผู้แสดงมืออาชีพเป็น ไซมอน เพกก์ (Simon Pegg) จัดได้ว่าแสดงได้อย่างธรรมชาติ และแฝงตลกไว้ตลอด ได้แก่

– ตอนที่อีธาน ฮันต์ ต้องวิ่งขึ้นตามบันได้วนเพื่อหนีคนร้าย เบนจี้ซึ่งเป็นคนดูแผนที่อยู่ที่หน้าจอ อาจเป็น Tablet จะสงสัยว่าทำไมเขาต้องวิ่งเป็นวงกลม เป็นต้น เพราะ เบนจี้ ไม่ได้ดูแผนที่แบบ 3 Ds แต่ไปดูแบบ 2 Ds ทำให้เห็นแบบนั้น
– ตอนที่ เบนจี้ บอก ฮันต์ สลับด้านซ้ายขวา ก็เพราะกลับด้าน Tablet เพื่อดูแผนที่ เป็นต้น ซึ่งเป็นธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับคนดู map แบบเร็ว ๆ
– ตอนที่ ลูเธอร์ สติคเคลล์ แสดงโดย วิง ราเมส (ving rhames) บอกแฟนเก่าของ อีธาน ฮันต์ เรื่องการตัดสายไฟชนวน ก็สลับซ้ายขวา เพราะคนมีอายุ ส่วนมากก็เริ่ม พูดผิด ๆ ถูก ๆ เรื่องซ้ายขวา เป็นต้น

3. นำพระเอก Superman มาเป็นผู้ร้าย
Mission: Impossible – Fall Out ตอนนี้ ไม่ใช่มีผู้ร้ายคนเดิม ๆ คือ โซโลมอน เลน ซึ่ง ฌอน แฮร์ริส (Sean Harris) แสดงมาตลอด แต่กลับนำพระเอกตลอดกาลคือ เฮนรี แควิลล์ (Henry Cavill) หรือก็คือนักแสดงในบทบาทของ Superman นั่นเอง มาแสดงเป็น August Walker ในมาดของนักฆ่าผู้ดี แม้ว่า August Walker จะมาในบทบาทที่ดูนิ่มไปหน่อยตอนแรก ๆ ที่ เซตต์ ซึ่งเป็นหัวหน้าใหญ่ (แสดงโดย แองเจลา บาสเซตต์, Angela Bassett) นำ Walker มาแนะนำ ซึ่งเหตุผลน่าจะมาจากให้อีธาน ฮันต์ วางใจก่อน

จุดด้อยของ Mission: Impossible – Fall Out

1. เรื่องสีผิว
เรื่อง Mission: Impossible – Fall Out มีทั้งคนผิวขาว และผิวดำ แต่ทำไมคนผิวสี กลับไม่มีแฟนสักคน เช่น ลูเธอร์ สติคเคลล์ ซึ่งแสดงโดย วิง ราเมส (Ving Rhames) แต่กลับให้อีธาน ฮันต์ มีผู้หญิงรักตั้ง 2 คน ทั้งๆ ที่ในหนังก็มีผู้หญิงเล่นน้อยอยู่แล้ว แค่ 3-4 คน (โปรดสังเกต ตอน Fall Out นี้นางเอกผิวสีใน Mission: Impossible น่าจะเป็น IM 2 ชื่อ Nyah นำแสดงโดย แธนดี้ นิวตัน (Thandie Newton) ก็ไม่ได้เล่นแล้ว เพราะในชีวิตจริง เธอต้องการให้เวลาครอบครัว)

2. การตัดสินใจไม่มี Pattern ที่แน่ชัด
Mission: Impossible – Fall Out เกี่ยวกับการตามแร่กัมมันตรังสี Plutonium 3 ก้อน ซึ่งถือว่าเป็นส่วนประกอบที่สำคัญมากที่จะทำระเบิดนิวเคลียร์ แต่การดำเนินเรื่องกับปล่อยให้ดำเนินไปตามยถากรรมของการต่อสู้ โดยไม่มีการวางแผนล่วงหน้า ใช้วิธีสู้และคิดแผนเฉพาะหน้าทันที สังเกตได้จาก ทุกคนจะตอบเหมือน ๆ กันสำหรับแต่ละตอนว่า “ไม่รู้สิ ยังคิดไม่ออก….” หรือ “ไม่รู้สิ เดี๋ยวก็รู้”

3. เรื่องเพศ
เรื่อง Mission: Impossible ตอนนี้ ให้เพศหญิง ที่ชื่อ อิลซา เฟาสต์ แสดงโดย รีเบ็คก้า เฟอร์กูสัน (Rebecca Ferguson) ถูกทำร้ายมากเกินเหตุ และหลายตอนมาก ๆ ถ้าเทียบกับเพศชายในเรื่อง

4. บางคนไม่จำเป็นต้องตาย
หัวหน้าโดยตรงของอีธาน ฮันต์ ซึ่งเป็นผู้ชายผิวขาว คือ อลัน ฮันลีย์ แสดงโดย อเล็ก บอลด์วิน (Alec Baldwin) หนังสร้างให้ตาย เหมือนไม่มีทางออก แต่ตามเนื้อเรื่อง เหมือนไม่มีความจำเป็นว่าต้องตายหรือไม่ก็ได้