Author Archives: The SW Eden

About The SW Eden

Sw Eden is known as a Thai artist. http://sw-eden.net

Comforting lies about Buddhism is that it is not a religion.

Comforting lie about Buddhism is that it is not a religion.

The eastern people, like Chinese, Japanese, Thai, Burmese, will not argue about status of Buddhism as a religion. They all know it is a religion. However, some Western people, like people from Europe or the United States, are different. Some believe that Buddhism is not a religion, but just a way of life.

All Rights Reserved by Proud Arunrangsiwed, 2022
Buddhism Buddhist Pagoda worship Burmese shrines Bagan Pagan Lion

These people had been Christian, and it is a theist religion. They think that to be Buddhist is to be Atheist, and Atheism is not a religion.

First, Buddhism is not perfectly atheism, but polytheism. Buddhists believed that if you were a good person, or always did Bhavana, or conscious at the time you died, you would be born in heaven as God or Goddess.

Chinese culture created the significance of these gods and goddesses. If you have a chance to go to Chinese temples, you will see a lot of statues of these gods. People worship them. However, if you do not have a chance, you can see them in various Chinese movies. The culture is similar in Myanmar and Thailand. We have a lot of shrines around many places in our country. These shrines were built for gods. Sometimes, Buddhists call these gods, like, dewa, devada, or deit. There is also the ranking of these gods. The higher gods will have more ability to shrink their size. They can stay by using small space, like the pin or needle.

Buddhism Buddhist Pagoda and Place for worship Burmese shrines Bagan Pagan

Not only polytheism being, Buddhism is also a religion in other aspects. As same as other religions, there are heaven, earth and hell. The day Buddha went back to earth from heaven, all these territories were opened and the creatures in them can see one another. This is one of the famous supernatural events in Buddha’s biography. Normal religions always consist of various supernatural events and beliefs about afterlife.

Need the reference of this weird event about heaven, earth, and hell, and also the reference of this size shrinking superpower. It is a part of Buddha’s biography. You can see it by using the following reference.
Khuddaka Nikāya, Dhammapada, Buddhavaggo No. 14, Yamaka pāṭihāriya No. 149
In Thai, อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท พุทธวรรคที่ ๑๔ เรื่องยมกปาฏิหาริย์ (๑๔๙)

The ignorants would say that Buddha didn’t say this or Buddha didn’t teach that. If you are one of these, please go to check Tripiṭaka, books of Buddhism, before yelling at me.

Buddhism Buddhist Pagoda and Place for worship Burmese

Buddhism Buddhist Temple Burma Barma and Place for worship Myanmar

Buddhism Buddhist Pagoda and Place for worship Temple

Leave a comment

Filed under Uncategorized

นักวิชาการ โลกแคบ ไม่ทันโลก หรือล้ำจนคนทั่วไปตามไม่ทัน?

คนไทยบางคนชอบพูดว่านักวิชาการไม่ได้อยู่ในโลกความจริง เพราะอยู่ในแต่ตำรา ไม่รู้จักสังคมภายนอก แต่สวอิเฎลขอเถียงว่านั่นไม่จริง เป็นแค่บางคนเท่านั้น และสวอิเฎลคาดว่าเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ไม่อยู่ในโลกความจริง คือ พวกที่ไม่ทำวิจัยเลยหรือทำวิจัยแบบผิด ๆ

Copyrights by the Sw Eden, 2022
คนทั่วไปแชร์โพสนี้ ให้ใช้ Link และห้าม copy ไปโพสใหม่
ส่วนนักศึกษาและอาจารย์ให้ block quote หรือ paraphrase และอ้างอิงเสมอ

ตุ๊กแก สีสันต์ สีสวย รายการ สีสันต์ ข้อมูล

จากการที่สวอิเฎลทำวิจัยหลายเรื่อง งานวิจัยและการเก็บข้อมูลอย่างถูกต้อง ทำให้คาดการณ์อนาคตได้ แนะนำนักวิจัยรุ่นต่อ ๆ ไปได้ว่าควรศึกษาด้านใดต่อ แนะนำองค์กรของรัฐ โฆษณา และสื่อมวลชนได้ คำแนะนำเหล่านี้ใช้ได้จริง แต่ปัญหาอยู่ที่ นักวิจัยส่วนใหญ่เผยแพร่บทความในวารสารและในเว็บไซต์ของวารสารและฐานข้อมูลทางวิชาการ ผู้ที่ควรได้อ่านจริง ๆ ไม่ได้เข้าไปอ่าน ยกตัวอย่าง สวอิเฎลเก็บข้อมูลแล้ว พบจุดอ่อนและแนวทางการพัฒนาสินค้าชุมชนชนิดหนึ่ง ถ้ามีนายทุนหรือองค์กรของรัฐได้อ่านและทำตาม นั่นจะเกิดประโยชน์มาก แต่น่าเสียดายที่คนที่มาอ่าน มักเป็นนักวิจัยและนักศึกษาที่ทำงานวิจัยอยู่เท่านั้น

ตอนนี้ สวอิเฎลจะพูดถึงนักวิชาการอีกประเภทบ้าง พวกที่ไม่ทำวิจัยเลยหรือทำวิจัยแบบผิด ๆ สวอิเฎลเคยรู้จักคนคนหนึ่ง เขาขอให้สวอิเฎลช่วยเขียนวิธีการวิจัยกับสรุปผลให้เขา สวอิเฎลลองใช้โปรแกรม G*Power คำนวณจำนวนกลุ่มตัวอย่าง พบว่าต้องใช้ประมาณ 200 คน แต่เพื่อนคนนี้ บอกว่าเก็บข้อมูลเสร็จแล้ว มาจากนักศึกษา 50 คน สวอิเฎลแนะนำให้เขาไปเก็บเพิ่มแต่เขาไม่ยอม เขาบอกให้คัดลอกจาก 50 คน เหมือนเอา 50 x 4 เพื่อให้ได้ 200 คน ไม่ใช่แค่นี้ เขายังจะให้โกหกว่าเก็บข้อมูลแบบสุ่มจากคนกรุงเทพ ทั้ง ๆ ที่เก็บจากนักศึกษาห้องที่ตนเองสอนเท่านั้น

ตุ๊กแกออกจากดวงตา งานวิจัย งานวิชาการ ไม่เคยมีกรณีตัวอย่างนี้

มันไม่ได้ผิดแค่เรื่องโกหกเกี่ยวกับจำนวนกลุ่มตัวอย่าง สวอิเฎลได้ดูแบบสอบถามที่คนผู้นี้เขียน ตัวอย่างข้อความในแบบสอบถาม (เขียนแบบคล้าย ๆ นะ ไม่เอาตรงเป๊ะ เพื่อหลีกเลี่ยงการระบุตัวตนนักวิจัย) มันประมาณแบบนี้ทุกข้อ คุณมีทัศนคติต่อปัจจัยด้านราคาของเครื่องเงิน และก็มีช่อง 5 ช่องให้ทำเครื่องหมาย เรียงตั้งแต่ เห็นด้วยอย่างยิ่ง จนถึง ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เป็นต้น เชื่อว่าคนที่กำลังอ่านอยู่เคยทำแบบสอบถามลักษณะนี้เหมือนสวอิเฎล ขอถามตรง ๆ ว่า รู้มั้ยว่าเห็นด้วยกับประโยคนี้แปลว่าอะไร? ลองคิดสิ ฉันเห็นด้วยที่ฉันมีทัศนคติด้านราคา มันฟังดูแล้วเป็นประโยคที่งงมากและไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรเลยในการสรุปผลการวิจัย

นี่คือความแตกต่างของนักวิจัย นักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย พวกที่ทำวิจัยเป็นและทำไม่เป็น นักวิชาการที่รู้อนาคตเกินคนทั่วไป มีอยู่จริง และนักวิชาการที่ไม่ทันโลก ก็มีอยู่จริง สวอิเฎลจึงอยากให้ เลิกเหมารวมนักวิชาการทั้งหมดจากคนที่คุณเกลียดชังเพียงไม่กี่คน

เมื่อมาถึงจุดหนึ่งในชีวิต ที่สวอิเฎลรู้สึกเหนื่อยมาก ๆ กับงานเอกสารที่ไม่มีความจำเป็นของมหาวิทยาลัย (ไม่ได้หมายถึงบทความวิจัย แต่หมายถึงเอกสารจำพวกโครงการ, เบิกจ่าย, รูปเล่มหนา ๆ ของโครงการวิจัยและโครงการสัมมนา, มคอ, เอกสารประกอบการสอนหนา ๆ ที่กลุ่มเป้าหมายไม่เคยอ่านเกินครึ่ง ฯลฯ) สวอิเฎลจึงย้ายมาเขียนบล็อคทั่วไปแทนบทความวิจัยและบทความวิชาการ เขียนทั้งบล็อกที่นี่ ในเฟส ทำคลิป ทำ content สั้น ๆ มันเร็วกว่าการเขียนบทความวิชาการที่ต้องรอ Peer Review อ่าน แก้ไขและรอตีพิมพ์ ไม่ใช่แค่เร็วกว่า แต่ยังส่งถึงคนจำนวนมากและหลากหลายกว่า แต่มันก็มีสิ่งที่ต้องแลก

จิ้งเหลน อาจเป็นกลุ่มตัวอย่างในงานชีววิทยาแต่ไม่ใช่งานวิชาการ งานวิจัย สำหรับสังคมศาสตร์

นักวิชาการย่อมต้องผจญกับคนที่เหมารวมนักวิชาการทั้งหมด โดยเอานักวิชาการที่ตนเองเกลียดเป็นตัวตั้ง และส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นเรื่องการเมือง สวอิเฎลเคยมีเพื่อนนอกวงการวิชาการ ถ้า ดร. xxx สนับสนุนพรรคการเมืองที่เขาไม่ชอบ เขาก็จะด่าแบบเหมารวมทั้งหมด ว่า นักวิชาการโง่ ตามโลกไม่ทัน ได้รับเงินใต้โต๊ะ ถูกว่าจ้างให้ล้างสมองนักศึกษา เป็นต้น

ยังไม่พอ ถ้าคนไม่เห็นด้วยกับเรา แม้เราจะเขียนด้วยคำสุภาพ คนในโลกออนไลน์บางประเภทก็จะหยาบคายเสมอ บางคนก็นิยมดูถูกคนที่มีการศึกษาสูง บางประเภทที่โบราณมาก ๆ ก็จะมีแนวคิดเหยียดเพศ เดิมที ที่สวอิเฎลเคยเขียนเรื่องความยุติธรรมทางเพศในงานวิชาการ Peer Review ที่เขาไม่เห็นด้วยกับเรา ก็จะแนะนำอย่างสุภาพ และให้เราใส่แนวคิดของอีกฝ่ายแทรกเข้าไปด้วย เราก็ทำ เป็นการถกเถียงกันไปมาในย่อหน้า ซึ่งอ่านแล้วสนุก น่าคิดตาม

แต่ในสังคมออนไลน์ หรือในเว็บบล็อกหรือวิดีโอ ที่เปิดให้คนแสดงความคิดเห็น คนที่ไม่เห็นด้วยกับสวอิเฎล มักจะหยาบคาย โดยเฉพาะคนที่ไม่ใช่เพื่อนของเราแต่เดิม เขาจะดูถูกตั้งแต่ เพศ เชื้อชาติ และขุดดูทุกอย่างที่เราเคยโพสก่อนหน้านี้ บางครั้งถึงกับสาบแช่ง หมิ่นประมาทถึงครอบครัวของเรา

เมื่อคนสามารถปกปิดตัวตนได้ เขาจะไม่กลัวที่จะหยาบคาย ยิ่งคนที่อยู่คนละประเทศกับสวอิเฎล เขารู้ว่ายังไง ๆ เราก็หาเขาไม่เจอ แจ้งความไม่ได้ คนเหล่านี้ก็ยิ่งหยาบคาย นอกจากนี้ในสังคมออนไลน์ก็มีจำพวก 2 มาตรฐาน ผู้ดูแลระบบคิดเหมือนเราหรือคิดเหมือนฝ่ายตรงข้าม ถึงฝ่ายตรงข้ามใช้คำหยาบเพียงใด หมิ่นประมาทเพียงใด ก็ยังถือว่าเป็น Freedom of Speech ทั้งหมดเป็นสิ่งที่นักวิชาการต้องแลกและต้องทำใจ

ตุ๊กแก นมราชสีห์ ไม่มีหลักฐานอ้างอิงทางวิชาการว่ามันกินได้

แมงมุม วอชิงตัน อเมริกัน มีแค่ในสังคมออนไลน์ มีไหมในโลกความจริง

วอรัส Walrus ปกปิดตัวตนหรือไม่ จากโลกความจริง

Leave a comment

Filed under Uncategorized

โดนถามว่า เกย์รับหรือเกย์รุก ทำไมโกรธ?

โดนถามว่า เกย์รับหรือเกย์รุก ทำไมโกรธ? และจะต้องถามกันมั้ย?

ถ้าทุกเพศเท่าเทียมกันจริง โดนถามคำถามนี้ก็ไม่ต้องโกรธคนถาม สวอิเฎลขอชวนให้คิด เกย์และเพศทางเลือกล้วนเกิดมาในสังคมชายเป็นใหญ่ เมื่อคนมีเซ็กซ์กัน คนจะคิดว่าผู้ชายเป็นฝ่ายได้ ผู้หญิงเป็นฝ่ายเสีย แบบที่คนชอบพูดว่า ได้เสียกันแล้ว เสียตัวให้เขาแล้วสิ เป็นต้น ดังนั้นการถามคำถามนี้ว่าใครเป็นเกย์รุกหรือใครเป็นเกย์รับ จึงทำให้เกิดความโกรธเคืองกันขึ้น เกย์รับจะรู้สึกเหมือนตนเองเป็นผู้หญิงในคำถามนี้ และรู้สึกว่าตนเองเป็นฝ่ายเสีย รู้สึกว่าตนเองเป็นช้างเท้าหลัง รู้สึกว่าตนเองถูกกระทำ

Copyrights by the Sw Eden, 2022
คนทั่วไปแชร์โพสนี้ ให้ใช้ Link และห้าม copy ไปโพสใหม่
ส่วนนักศึกษาและอาจารย์ให้ block quote หรือ paraphrase และอ้างอิงเสมอ

เพศ คำถาม เหยียด discrimination gay lgbt เกย์ ตะเบงชะเวตี้ tabinshwehti

แต่ในบางกรณีที่จำเป็นต้องถาม สวอิเฎลแนะนำให้เลือกใช้ประโยคที่เลี่ยง เช่น เกย์รุกคนหนึ่งอยากหาคู่ และไปเจอคนที่ใช่ แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าวันนั้นคนคนนั้นอยากเป็นเกย์รับหรือเปล่า? เพื่อนเราแนะว่า ให้แนะนำตัวเองไปเลยโดยไม่ต้องถาม หรือหาวิธีอื่นในการบอกให้เขาเดาออก

แต่เราทุกคนก็รู้กันดีว่า เกย์ส่วนใหญ่เป็นทั้งรุกและรับ และหลายครั้งที่อารมณ์แต่ละอย่างจะมากันคนละวัน ถ้าสังคมมีความหลากหลายทางเพศ และยอมรับความหลากหลายนั้นตั้งแต่ต้น หรือถ้าเกย์เติบโตมาในสังคมที่เคารพศักดิ์ศรีซึ่งกันและกัน สวอิเฎลคิดว่า คำถามที่ว่าใครเป็นฝ่ายรุกหรือรับก็จะไม่ทำให้พวกเขาโกรธ และคนที่ไม่ใช่เกย์ก็จะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปถามเพศของเกย์ คล้ายคลึงกับเวลาสัมภาษณ์งาน บริษัทก็จะไม่จำเป็นต้องถามลัทธิศาสนาที่ผู้สมัครนับถือ การยอมรับความหลายหลายไม่ใช่การทำเป็นตาบอด มองไม่เห็นอะไรเลย ปฏิบัติเหมือนกันโดยไม่เลือก แต่สวอิเฎลอยากเน้นย้ำว่า มันคือ การเคารพในความหลากหลายของผู้อื่น

สวอิเฎลจะอธิบายว่าการตาบอดในความหลากหลาย เป็นยังไง? ถ้าสวอิเฎลเป็นครูและตาบอดในเรื่องอายุ ก็จะสั่งเด็กเล็กไปช่วยย้ายอุปกรณ์กีฬาร่วมกับรุ่นพี่ แบบนี้เรียกว่าเท่าเทียมกันแต่ไม่ยุติธรรม อีกตัวอย่างนะ ถ้าตาบอดเรื่องความพิการ ก็จะไม่มีการสร้างทางลาดให้เข็นรถ แต่จะให้คนพิการที่เดินไม่ได้พยายามลากตัวเองขึ้นบันได แต่เพราะมีความยุติธรรมในการเข้าถึงโอกาส สถานที่ต่าง ๆ จึงมีทางลาดให้ สวอิเฎลเป็นเฟมมินิสต์ และ feminist จริง ๆ จะไม่พยายามขับเคลื่อนความเท่าเทียม แต่ขับเคลื่อนความยุติธรรม

ตะเบงชะเวตี้ tabinshwehti ไดโนเสาร์ gay lgbt เกย์

อีกประเด็นนึง ในฐานะที่สวอิเฎลเป็นเฟมมินิสต์ จะรู้สึกแย่เมื่อผู้ชายแปลงเพศหรือกระเทยเรียกผู้หญิงว่าชะนี (Gibbon) ไม่ใช่ว่าผู้หญิงส่วนใหญ่จะเป็นชะนี คนไทยรู้กันทุกคนว่าชะนีร้องอย่างไร มันร้องว่า ผัว เรื่องนี้สวอิเฎลพบว่าคล้าย ๆ กับชาวตะวันตกที่พูดภาษาอังกฤษ ทรานส์จะเรียกผู้หญิงว่า Bitch

สมัยสวอิเฎลยังเด็ก เพื่อนในกลุ่มเดียวกันเป็นผู้ชายเพศทางเลือกหลายคน และในที่อื่น ๆ ก็ด้วย นักศึกษาที่สวอิเฎลเคยสอนก็จะมีกลุ่มที่เขาสนิทสนมกัน เป็นกลุ่มที่มีทั้งผู้หญิงและกระเทย สิ่งที่สวอิเฎลอยากบอกคือ ในโลกความจริงทั้ง 2 เพศคือเพื่อนที่ดีต่อกัน แต่สื่อและสังคมกลับทำให้เกิดคำดูถูกอย่าง ชะนี และ Bitch แถมยังทำให้คนเพศปกติหลายคนหัวเราะเยาะกระเทยเพราะนำพวกเขามาแสดงให้ดูตลกในรายการเกมส์และภาพยนตร์ ที่แย่ไปกว่านั้น เมื่อไรก็ตามที่มีผู้พยายามแนะนำให้เลิกนำเสนอบทบาทขำขันและเว่อร์เหล่านี้ กลับถูกย้อนถามว่า มันยังไม่ดีอีกหรือ? ที่สื่ออุตส่าห์ให้โอกาสกระเทยออกรายการ? ถ้ายังย้อนถามแบบนี้อยู่ สวอิเฎลเดาเลยว่า คงไม่มีการปรับปรุงใด ๆ เกิดขึ้น

ท้ายนี้ สวอิเฎลอยากฝากให้ทั้งผู้หญิงและเพศทางเลือกทุก ๆ เพศ สามัคคีกัน เราทั้งหมดไม่ใช่ศัตรู เฟมมินิสต์ไม่ใช่ศัตรูของเกย์ เพราะทุกคนควรร่วมมือกันเพื่อให้ลัทธิชายเป็นใหญ่ หรือ ปิตาธิปไตย (Patriarchy) หมดไป

เพศ สามัคคี เส้นทางสายรุ้ง gay lgbt เกย์ ตะเบงชะเวตี้ tabinshwehti

พระราชา กษัตริย์ ตะเบงชะเวตี้ queer lgbt monarch tabinshwehti

Leave a comment

Filed under Uncategorized

ความแตกต่างของ 3 นิ้ว กับคนรักชาติ ที่พวกนั้นเรียกว่าสลิ่ม

Stereotype คือ การเหมารวม และคนเราจะไม่เห็นความจริงเมื่อการเหมารวมยังอยู่ในสมองของพวกเขา สวอิเฎลมี 2 บัญชีในสังคมออนไลน์ที่ใช้เป็นประจำ เชื่อว่าคนอื่น ๆ ก็คล้ายกัน คือบัญชีที่ใช้ติดต่อเพื่อนร่วมงาน และบัญชีที่จะใช้ทำอะไรก็ใช้ไป (สวอิเฎลเน้นใช้โพสงานศิลปะ) หัวหน้าจะได้ไม่มาส่องเวลายามว่างของเรา บัญชีแรก สวอิเฎลมีเพื่อนที่เป็นนักศึกษาอยู่จำนวนมาก และบางคนเป็นชาว 3 นิ้ว ส่วนอีกบัญชี จะมีคนรักชาติอยู่หลายคน

Copyrights by the Sw Eden, 2022
คนทั่วไปแชร์โพสนี้ ให้ใช้ Link และห้าม copy ไปโพสใหม่
ส่วนนักศึกษาและอาจารย์ให้ block quote หรือ paraphrase และอ้างอิงเสมอ

ใคร ๆ ก็มีศาสนาได้ เสื้อเหลือง เสื้อแดง และใคร ๆ ก็ไม่มีศาสนาก็ได้เช่นกัน

สวอิเฎลเห็นว่าทุกคนเป็นมนุษย์ จึงไม่ชอบให้ใครเรียกคนที่สวอิเฎลรู้จักว่า ควายแดง สามกีบ สลิ่ม เพราะมันเป็นคำที่ดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือลดค่าของบุคคลที่ถูกพูดถึงให้น้อยลง น้อยกว่าความเป็นมนุษย์ แต่ในขณะเดียวกัน บางคนในกลุ่มก็ภูมิใจที่ถูกเรียกเช่นนั้น สวอิเฎลไม่เข้าใจว่าเขาคิดอะไร อาจเอามันส์ก็เป็นได้

เริ่มกันที่ Stereotype ที่คนรักชาติมองว่า 3 นิ้ว หรือ ||| เป็นเช่นนั้น คือ กลุ่มเยาวชนที่ไม่ใช่อนาคตที่ดีของชาติ เป็นพวกมั่วเซ็กซ์ เล่นยา เป็นเกย์ เด็กแว้น ชอบทำลายทรัพย์สินสาธารณะ เรียนปริญญาตรีจบช้ากว่าปกติ รักแต่ความสบาย ต้องการล้มเจ้า ไม่เอาศาสนา ไม่มีระเบียบวินัย อวดรวยด้วยสินค้าราคาแพงแต่ไม่ยอมจ่ายภาษี รับรู้ข้อมูลแคบ ไม่เคารพพ่อแม่และครู

คนรักชาติ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีศาสนาหรือเป็นไดโนเสาร์

Stereotype ที่ชาว 3 นิ้ว เชื่อว่าคนรักชาติเป็น คือ ชายแก่ มนุษย์ป้า หัวโบราณ ไดโนเสาร์ที่ใกล้สูญพันธุ์ ใช้เทคโนโลยีไม่เป็น นิยมสังคมชายเป็นใหญ่ ต่อต้านสิทธิสตรีและเพศทางเลือก งมงาย เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม รับรู้ข้อมูลมากแต่ผสมข้อมูลเท็จ นิยมเผด็จการ ชอบถูกกดขี่ ชอบใช้ความรุนแรงระหว่างประท้วง เสพสื่อล้าหลัง พอเพียงจนไม่มีผลใด ๆ กับการตลาดของทุกบริษัท

ทั้งสองฝ่ายมองว่า ฝ่ายตนเองเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ทั้งสองฝ่ายมองว่าตนเองการศึกษาดีกว่า ฉลาดกว่าอีกฝ่าย ทั้งสองฝ่ายเชื่อว่า การที่ฝ่ายตรงข้ามเคยชนะเลือกตั้งในอดีตเพราะมีการทุจริต ทั้งสองฝ่ายเชื่อว่าถ้าคนที่ตนเองเชียร์ได้บริหาร ประเทศไทยจะดีขึ้น แต่ถ้าคนที่อีกฝ่ายได้บริหารประเทศ ประเทศไทยจะฉิบหาย

แต่ในโลกความเป็นจริง คนที่มีทัศนคติทางการเมืองทั้ง 2 แบบ ไม่ได้เป็นไปตาม Stereotype ทั้งหมด ทุกคนต่างมีความเป็นตัวเอง ผสมผสาน ปะปน นั่นหมายถึงพวกเขามีความเป็นมนุษย์จริง ๆ ไม่ได้เป็นไปตามการเหมารวม

ไปต่างประเทศ วาดภาพวิวต่างชาติ ก็รักประเทศไทยได้

จากที่สวอิเฎลรู้จักชาว ||| หลายคน คนที่ไม่ได้เป็นไปตาม Stereotype ก็มี เช่น คนรักชาติจะมองว่า 3 นิ้วไม่เคารพผู้ใหญ่ แต่นั่นไม่เสมอไป หลายคนยกมือไหว้ครูอาจารย์ พูดจาสุภาพกับผู้ใหญ่ กินข้าวกับพ่อแม่ประจำ บางคนเป็นสายมู สะสมพระเครื่อง เข้าวัดประจำ ทำสังฆทาน บน และที่ไม่น่าเชื่อคือบางคนต่อต้านเพศทางเลือก แสดงความโกรธเคืองอย่างเห็นได้ชัดในเดือนมิถุนายน และบางคนต่อต้านสิทธิสตรี โดยใช้ Men’s Rights Movement ตลอดจนบางคนที่สนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ แต่ยังแชร์หนังเหยียดเพศ หรือ quote จากเพจดัง เช่น ปีใหม่นี้อยากได้เธอเป็นขอขวัญ ซึ่งเป็นคำพูดที่เหยียดเพศเสมือนว่าเป็นสิ่งของที่ได้มาเป็นของตัวเองได้

ส่วนคนรักชาติที่ไม่เป็นไปตาม Stereotype ก็มี คนที่ไม่ได้พอเพียง แต่ติดกินหรูเที่ยวหรู ชอบถ่ายภาพไปเที่ยวยุโรปมาอวด คนรักชาติที่ฟังเพลงและดูซีรี่ส์เกาหลี คนรักชาติที่เป็นเพศทางเลือกและสนับสนุนการสมรสระหว่างเพศกำเนิดเดียวกัน คนนอกบางคนเข้าใจว่าคนรักชาติจะต้องเชียร์จีนกับรัสเซีย แต่มันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป ทัศนคติทางการเมืองในและนอกประเทศของบางคนแตกต่างกัน และยังมีคนรักชาติที่เป็นแอดมินกลุ่มใหญ่ ๆ บางกลุ่ม ที่เป็นผู้หญิงและเขาภาคภูมิใจในความเป็นหญิงมาก เป็นพวกเลือด Feminist เต็มตัว

สวอิเฎลเป็นคนรักชาติ ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และไม่เอาศาสนาหรือลัทธิต่าง ๆ นานา สวอิเฎลไม่เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม เกลียดโจรละเมิดลิขสิทธิ์ที่ชอบตัดแปะบทความคนอื่นไปใส่เว็บตัวเอง และสวอิเฎลเป็นคนสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ เพศหญิง เพศทางเลือก สนับสนุนคนผิวสี (Black Lives Matter: BLM) ต่อต้านพวกเหยียดสีผิว ต่อต้านพวกเหยียดทางอายุ ไม่ว่าจะดูถูกคนอายุน้อยหรือคนแก่ ส่วนแนวเพลงที่สวอิเฎลชอบคือ Punk และ Metal ภาพยนตร์แนวโปรดคือ Slasher หรือจำพวกฆาตกรต่อเนื่องเชือด สวอิเฎลยังเกลียดการใช้คำนำหน้าชื่อและอยากให้ยกเลิกไปให้หมด เรียกทุกคนว่า คุณ ก็เท่าเทียมกันดี

สนับสนุนเพศที่สาม เพศทางเลือก LGBT gay เกย์ เลสเบี้ยน

เชื่อว่า สวอิเฎลไม่ใช่ Stereotype ของคนรักชาติ และหลาย ๆ คนที่รักชาติก็คงจะเป็นเช่นนี้ ทุกคน Complex มีความเป็นตัวของตัวเอง และทุกคนก็มีทั้งรักและเกลียดทั้ง 2 กลุ่มในชีวิตจริง เช่น สวอิเฎลเกลียดคนรักชาติคนหนึ่งที่สูบบุหรี่ในที่สาธารณะใกล้บริเวณที่มีผู้สูงอายุหลายคน สวอิเฎลยังนักถือคนรักชาติอีกคนที่เคยทำงานด้วยกัน เขาเป็นคนที่ยอมสละเวลาให้คนอื่นปรึกษาเรื่องการทำเอกสาร แม้ว่าไม่ได้ผลประโยชน์หรือของฝากใด ๆ เขาก็ยินดีช่วย

ส่วนชาว 3 นิ้ว สวอิเฎลก็เคยเจอเพื่อนที่คุยสนุก ไปกินด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน ผลัดกันถ่ายรูป ในเมื่อรู้กันว่าทั้ง 2 ฝ่ายมีทัศนคติทางการเมืองไม่เหมือนกัน เราก็ไม่พูดถึงมันตลอดทริป ซึ่งในโลกความจริง การเป็นเพื่อนกัน มีเรื่องอื่นให้พูดถึงเป็นร้อยเรื่อง ส่วนชาว 3 นิ้วที่สวอิเฎลไม่ชอบก็มี คนที่พยายามโยงทุกเรื่องไปที่การเมือง แค่ชวนพูดเรื่องภาพยนตร์ก็โยงภาพยนตร์ไปที่การเมือง ตลอดจนบางคนที่ทำงานไม่ตรงโจทย์ที่ให้ไป ทำงานอะไรออกมาก็โยงไปถึงการเมืองทั้งสิ้น

ฝ่ายรักชาติ หรือ ฝ่าย 3 นิ้ว มันก็แค่ทัศนคติทางการเมือง ที่บางคนเอามาเป็นเรื่องใหญ่ในการใช้ชีวิต จนลืมดูส่วนอื่น ๆ ของบุคคลผู้นั้น ถ้าเป็นสวอิเฎลนะ การแบ่งคนจากการมีส่วนร่วมทางการเมือง น่าจะใช้เกณฑ์อื่น คือ กลุ่มคนที่น่าคบ คือ คนที่แสดงความคิดเห็นทางการเมืองโดยใช้เหตุผล สุภาพ หากไปร่วมชุมนุม ก็จะชุมนุมด้วยความสงบ รู้สิทธิ์ของตนเองและใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหน คนผู้นั้นก็น่าคบเป็นเพื่อน ส่วนกลุ่มคนที่ไม่น่าคบ คือ คนที่โจมตีฝ่ายตรงข้ามด้วยคำหยาบคาย มุ่งเน้นการยั่วยุเพื่อให้โกรธ เพื่อให้แตกหัก สนุกกับการปั่นหัวคนอื่น ใช้ความรุนแรงในการประท้วง ทำร้ายร่างกายผู้อื่น ทำลายทรัพย์สิน ก่อกวนความสงบ ไม่เคารพสิทธิ์ของผู้อื่น คนเช่นนี้ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหน ก็ควรหลีกให้ไกล

ทัศนคติทางการเมือง ต่างประเทศ ชอบสหรัฐอเมริกา แต่บางครั้งก็ไม่ชอบรัฐบาลของเขา

ปล่อยให้พูดอย่างอิสระ เท่ากับให้พูดจาให้ร้าย ทำลายทุกคน

จะมีทัศนคติทางการเมืองแบบใดก็ได้ ขอให้ใช้เหตุผลและรักสงบก็พอ

Leave a comment

Filed under Uncategorized

จะเรียกควายแดง 3 กีบ สลิ่ม ไปอีกนานมั้ย?

จะเรียกควายแดง 3 กีบ สลิ่ม ไปอีกนานมั้ย? คนไทยดูถูกกันพอหรือยัง

วัวควายมีไว้ไถนา ช่วยเล็มหญ้า
คนไทยใช้คำว่า ควาย ดูถูกผู้อื่น
เป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
หากบังคับปากผู้อื่นไม่ได้ ผู้ถูกด่าควรเคารพศักดิ์ศรีของตนเอง
ไม่จำเป็นต้องยอมรับ
ไม่จำเป็นต้องเรียกตนเองว่า ควาย

ทำไมจึงเขียนบทความสั้น ๆ นี้ เพราะไม่ชอบการที่คนไทยเรียกคนบางกลุ่มว่าควายแดง ความส้ม ความเหลือง สามกีบ สมัยสวอิเฎลเป็นนักศึกษา ตอนนั้นอาจรู้สึกสนุก อินมาก แต่เมื่อโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็รู้ว่ามันไม่ควรทำ และไม่อยากเห็นใคร ๆ ทำ

Copyrights by the Sw Eden, 2022
คนทั่วไปแชร์โพสนี้ ให้ใช้ Link และห้าม copy ไปโพสใหม่
ส่วนนักศึกษาและอาจารย์ให้ block quote หรือ paraphrase และอ้างอิงเสมอ

ธรรมชาติความเป็นมนุษย์ และความหนาว หิมะเย็น

ธรรมชาติความเป็นมนุษย์ และความหนาว หิมะ
.

ทำไมคนรักชาติจึงไม่ควรพูดคำว่า ควายแดง หรือ 3 กีบ?

ควายสามารถช่วยทำนาเมื่อไม่มีเครื่องจักรที่ทันสมัย เป็นเครื่องเตือนใจถึงวิถีชีวิตชาวไทย ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และสัตว์เลี้ยงที่มีขนาดใหญ่ในอดีต มีโครงการในพระราชดำริเกี่ยวกับการอนุรักษ์ควายและฝึกฝนควาย เช่น หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย โรงเรียนกาสรกสิวิทย์ โครงการธนาคารโค-กระบือเพื่อเกษตรกร เป็นต้น แสดงให้เห็นว่าสถาบันพระมหากษัตริย์เห็นความสำคัญของควาย ดังนั้น หากคุณรักสถาบันพระมหากษัตริย์ คุณจะต้องไม่ใช้คำนี้หรือคำใด ๆ ดูหมิ่นบุคคลที่คุณเกลียดชัง หากคุณรักชาติจริง คุณจะเสนอแนะทางออก มิใช่ทำให้เกิดการแตกแยกมากขึ้น การด่าหรือทะเลาะมีได้ ไม่ผิด แต่ต้องเป็นไปตามเหตุผลและข้อเท็จจริง

เช่นเดียวกันกับอีกฝ่าย การใช้คำว่าสลิ่ม เป็นการลดทอนความเป็นมนุษย์ ผู้ที่ถูกด่าด้วยคำนี้ก็ไม่ควรยอมรับโดยเรียกตนเองตามที่ฝ่ายตรงข้ามต้องการ สวอิเฎลไม่เคยเรียกตนเองว่าสลิ่มและไม่เคยเรียกใครว่า 3 กีบ แต่ใช้คำว่า คนรักชาติ คนเสื้อเหลือง และ 3 ขีด หรือ lll แบบนี้ก็เคารพทั้งตนเองและผู้อื่น

ทุกคนเป็นมนุษย์ และควรเคารพความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น ไม่ว่าคุณจะรักหรือจะเกลียดคนผู้นั้น หากเขาไม่เคารพเรา สวอิเฎลแนะนำว่า เราอาจลองเคารพเขาก่อน เถียงด้วยคำสุภาพ ใช้เหตุผล หากจะด่า ก็ให้ด่าเฉพาะตัวบุคคล อย่าเหมาไปถึงพ่อแม่ เพศ จังหวัด หรือฐานะทางสังคม แต่ก่อนที่จะด่า ลองชั่งน้ำหนักว่าเราเกลียดคนผู้นั้นจริงหรือไม่ หรือเราแค่เกลียดนักการเมืองที่เขาชื่นชอบ ถ้าเกลียดแค่นักการเมือง ก็ไม่ต้องไปด่าเขา ให้สงสารเขาก็พอ

ธรรมชาติความเป็นมนุษย์ และความหนาว หิมะ เยือกเย็น

ธรรมชาติความเป็นมนุษย์ และความหนาวของหิมะ
ทะเล ความสงบ เฉพาะตัวบุคคล
ทะเล ความสงบ เฉพาะตัว

Leave a comment

Filed under Uncategorized

งานวิจัยขึ้นหิ้ง ไม่มีใครนำมาใช้ ใครควรเผยแพร่?

แก้ไข งานวิจัยขึ้นหิ้ง ไม่มีใครนำมาใช้ ใครควรเผยแพร่?

งานวิจัยส่วนใหญ่ ทำเสร็จ ได้ผลการวิจัย แต่ไม่มีใครนำไปใช้ ไม่ใช่แค่ผลการวิจัยหรือที่เราเรียกกันว่า บทที่ 4 แต่ยังมีในส่วนอภิปรายผลการวิจัย ที่พราวก็มักเขียนไว้ว่าผู้ที่ควรนำไปใช้คือใคร แล้วแต่หัวข้อ เช่น ให้ผู้ปกครองสอนลูกในลักษณะนี้ หรือ บางคนก็แนะนำให้ชื่นชมลูกที่ความพยายาม อย่าชมว่าเกิดมามีพรสวรรค์ เป็นต้น

Copyrights by Proud Arunrangsiwed, 2022
คนทั่วไปแชร์โพสนี้ ให้ใช้ Link และห้าม copy ไปโพสใหม่
ส่วนนักศึกษาและอาจารย์ให้ block quote หรือ paraphrase และอ้างอิงเสมอ

งานวิจัย งานวิชาการ ควรเป็นเหมือนต้นไม้ มิใช่เพื่อกดดันคน

นักวิจัยเขียนงานวิจัยเสร็จ เขาก็ตีพิมพ์ ไม่ว่าจะส่งไปทางวารสารหรือไปประชุมวิชาการ พราวคิดว่า งานของนักวิจัยควรจะจบแค่นั้น เขาศึกษามาแล้ว เขียนขอผ่านคณะกรรมการจริยธรรม เก็บข้อมูล สรุป อภิปราย ทำบทความ ให้ Peer Review วารสารแก้แล้วแก้อีก จนได้ตีพิมพ์ ทั้งหมดนี่มันเยอะนะ แต่ท่านผู้มีอำนาจบางคนคิดว่าไม่พอ และพูดว่างานวิจัยขึ้นหิ้งไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์

วิธีการแก้ไขของผู้มีอำนาจในการตัดสินใจคือ เพิ่มเอกสาร คนจำพวกนี้เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด คิดอะไรไม่ออกก็เพิ่มงานเอกสาร (ไม่แตกต่างจากทำเอกสารให้ผู้สอนทวนสอบ) พวกเขาสร้างแบบฟอร์มให้กลุ่มเป้าหมายลงนาม ผลักภาระให้นักวิจัย วิชาการ คณาจารย์ ไปตามหาคนลงนามว่านำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ ผู้ให้ทุนบางที่ ให้คนในหน่วยงานเดียวกันลงนามได้ แต่หลายที่ ต้องเป็นคนต่างหน่วยงานหรือกลุ่มเป้าหมายจริง ๆ

เนื่องจากปัจจุบันมิจฉาชีพแพร่ระบาดไปทั่ว มันกระทบกับคนที่พูดความจริงไม่ปลอมแปลงเอกสาร พราวเคยทำงานวิจัยเกี่ยวกับตลาดน้ำ พราวเอาเอกสารที่พราวศึกษาไปให้เขาดู ว่านี่คืองานวิจัยและโมเดวล์ที่เราได้มา บรรยายให้ฟังไปเกือบชั่วโมง เขาไม่ลงนามให้ เพราะกลัวว่าเราคือมิจฉาชีพ เขาคิดว่าเอกสารทุกอย่างปลอมกันได้

นอกรั้วมหาวิทยาลัย นอกมหาวิทยาลัย

สิ่งที่อยากบอกจากเหตุการณ์นี้คือ ไม่ใช่ว่าอาจารย์มหาวิทยาลัยทุกคนจะมีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่รู้จัก จนทำให้คนแปลกหน้าไว้วางใจ แต่เมื่อมีใครแย้งไป ท่านผู้ทรงอำนาจก็จะอ้างแต่อาจารย์ที่มีชื่อเสียงว่าคนนั้นก็ทำได้-คนโน้นก็ทำได้ ลองคิดถึงอีกนโยบายสิ นโยบายหารายได้เข้ามหาวิทยาลัย คนธรรมดา ๆ เดี่ยว ๆ ทำไม่ได้ แต่จะทำได้ต้องเป็นอาจารย์ที่มีชื่อเสียงหรือมีเส้นสายนอกมหาวิทยาลัย

กลับเข้าเรื่อง เรื่องเอกสารที่ยืนยันว่ามีคนภายนอกเอาผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ พราวให้คนจริง ๆ ลงนามมาโดยตลอดหลายปีที่เคยทำงานวิชาการ บางคนแค่ลงนาม เขาไม่สนใจเอกสารงานวิจัยของเราเสียด้วย แต่นั่นก็ไม่ใช่การโกหกหรือปลอมลายเซ็น แต่ในขณะเดียวกัน เคยมีคนมาขอให้พราวปลอมลายเซ็นให้ ปลอมว่าเป็นใครก็ไม่รู้จากหน่วยงานภายนอกที่นำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ พราวไม่ทำ เพราะถ้าจะลงนาม จะต้องลงนามเป็นตัวเองหรือนามปากกาเท่านั้น ถ้าจะให้ปลอมเป็นผู้จัดการในบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่ง แบบนี้ไม่เอา

พราวเขียนบล็อกนี้ก็เพราะอยากให้ระบบการศึกษาดีขึ้น ให้ผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจเล็งเห็นว่า งานที่แท้จริงของอาจารย์คือ งานสอน ส่วนงานวิจัยคืองานที่จะเพิ่มความรู้ให้อาจารย์ เพื่อนำกลับมาสอน อะไรที่มันเกินเลยไปกว่านั้นก็ควรลด และเอกสารที่ทำขึ้นมาแต่หลายคนเขา fake ใส่เอกสารนั้น ก็ควรตัดมันออกไป และถ้าท่านผู้มีอำนาจกลัวว่าผลการวิจัยถูกนำมาใช้สอนนักศึกษาเท่านั้น แต่ไม่ได้มีองค์กรภายนอกนำไปใช้ ท่านผู้มีอำนาจก็ควรใช้อำนาจของท่านเผยแพร่เอง

ถ้าอยากแชร์บล็อกนี้ ใช้ link หรือ URL ไปแปะ ห้ามคัดลอกไปโพสใหม่ ถ้าอยากเอาไปเป็นตัวอย่างในหนังสือหรืองานวิจัย ก็ทำ block quote

ยังมีความหวังริบ ๆ นักวิชาการ และผู้มีอำนาจ

นักวิชาการ ทำงานวิจัย

Freedon is violence ถ้าปล่อยให้คนบางกลุ่มมีอิสระ ทุกคนจะตกอยู่ในอันตราย

Leave a comment

Filed under Uncategorized

ผ้าอนามัยฟรี หรือสาปกีเป็นทุกข์ธรรมชาติของผู้หญิง

บางคนที่เคยอ่านโพสของสวอิเฎล ก็จะคุ้น ๆ เรื่อง ความยุติธรรมและความเท่าเทียม แต่ถ้าไม่เคยอ่าน สวอิเฎลจะอธิบายให้ฟังคร่าว ๆ ความเท่าเทียมคือให้สิ่งที่เหมือนกันกับคนที่แตกต่าง แต่ความยุติธรรมคือให้สิ่งที่เหมาะสมและให้ความเท่าเทียมในการเข้าถึงโอกาส ตัวอย่างเช่น ให้ที่นั่งที่เหมือนกันหมด ไม่ว่าจะสำหรับเด็ก คนปกติ และคนพิการ แบบนี้คือความเท่าเทียม ซึ่งเด็กก็จะขาลอยจากพื้นหรือปีนขึ้นเก้าอี้ไม่ได้ ส่วนคนพิการอาจต้องใช้พื้นที่มากกว่าที่นั่งที่จัดให้ แต่ถ้าจัดหาเก้าอี้ให้อย่างยุติธรรม เด็กก็จะได้เก้าอี้ที่ขนาดเหมาะกับตน และคนพิการก็จะมีราวจับไว้ให้พยุงตัว เป็นต้น

Copyrights by the Sw Eden, 2022
คนทั่วไปแชร์โพสนี้ ให้ใช้ Link และห้าม copy ไปโพสใหม่
ส่วนนักศึกษาและอาจารย์ให้ block quote หรือ paraphrase และอ้างอิงเสมอ

อยากให้มีความยุติธรรมทางเพศมากกว่านี้ ประเทศไทย

การให้ใช้ผ้าอนามัยฟรี สวอิเฎลเห็นว่าเป็นเรื่องความยุติธรรมทางเพศ เพราะประจำเดือนเป็นเรื่องธรรมชาติ ที่ผู้หญิงมีภาระเพิ่มเข้ามามากกว่าผู้ชาย ทั้งความน่าเบื่อและค่าใช้จ่าย แต่ถ้าจะให้ผ้าอนามัยฟรีกับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย การพูดถึงความเท่าเทียมลักษณะนั้น สวอิเฎลคิดว่าดูประหลาดและโง่

ทางด้านผู้ชายไทย เขามีภาระที่เพิ่มเข้ามามากกว่าผู้หญิงคือ การเกณฑ์ทหารและ รด. การที่จะทำให้เท่าเทียมคือเกณฑ์ผู้หญิงด้วย แต่นั่นไม่เหมาะสมกับหลาย ๆ คนที่มีสรีระและความแข็งแรงไม่เท่าผู้ชาย ดังนั้นการที่จะทำให้เกิดความยุติธรรม สวอิเฎลเสนอให้ โรงเรียนที่นักเรียนชายไป รด. ควรจัดคาบเรียนที่นักเรียนหญิงต้องลงเรียน ดังนั้นมัธยมปลาย นักเรียนหญิงอาจเรียนวิชามากกว่านักเรียนชาย 6 วิชา เป็นต้น ส่วนการเกณฑ์ทหาร อาจให้ผู้หญิงที่มีอายุเท่ากับผู้ชายที่เกณฑ์ทหารไปช่วยงานราชการซึ่งมีหน่วยงานอยู่ทั่วประเทศ คล้ายการเป็นนักศึกษาฝึกงาน แต่ยาวนานและจริงจังกว่า ทำเช่นนี้ก็จะมีความยุติธรรม ได้ช่วยชาติเท่า ๆ กัน และใช้เวลาเท่า ๆ กัน

เพื่อนคนหนึ่งของสวอิเฎลเป็นชาวพุทธ ไม่ใช่คนปกติทั่วไปแต่เป็นคนเคร่ง เพื่อนคนนี้บอกว่า ประจำเดือนเป็นทุกข์ตามธรรมชาติของผู้หญิง และผู้หญิงก็ต้องยอมรับความทุกข์นี้ เพราะกรรมหรือวิบากจากชาติก่อน ทำให้ต้องมาเกิดเป็นผู้หญิง เพื่อนคนนี้ไม่เห็นด้วยกับการให้ผ้าอนามัยฟรีหรือกระทั่งลดภาษีผ้าอนามัย

อยากให้มีความยุติธรรมทางเพศมากกว่านี้ สังคมไทยควรดีขึ้น

จากการที่เคยเป็นชาวพุทธ สวอิเฎลก็รู้คำสอนที่ว่า ผู้ชายแย่ ๆ จะมาเกิดเป็นผู้หญิงในชาติถัดไป ซึ่งถ้าคุณไม่ใช่ชาวพุทธที่เคร่ง คุณจะจูนไม่ติดกับความเชื่อของพวกเขา ถ้าเราคิดอย่างคนปกติที่มีมนุษยธรรม เราเห็นอะไรที่ไม่ยุติธรรมเราก็อยากช่วย เราเห็นคนทุกข์ เราก็อยากให้เขาดีขึ้น เราเห็นคนพิการ เราก็อยากอำนวยความสะดวกให้ เราคิดแบบนี้อัตโนมัต โดยไม่ต้องคำนึงว่าชาติก่อน (ที่พิสูจน์ไม่ได้) เขาสร้างวิบากหรือทำกรรมชั่วอะไรมา

แล้วประเทศไทยควรมีผ้าอนามัยฟรีหรือไม่? สวอิเฎลคิดว่ามันเป็นนโยบายที่ดีแต่ไม่ได้จำเป็นที่สุดหรือเร่งด่วนที่สุด แต่ถ้าเมื่อไรก็ตามหรือประเทศใดก็ตามที่ให้ถุงยางอนามัยฟรี เมื่อนั้นผ้าอนามัยก็ควรฟรี เพราะเซ็กซ์ไม่จำเป็นจะต้องมีทุกวันหรือทุกเดือน และเซ็กซ์ก็อดกลั้นกันได้ แตกต่างจากประจำเดือนที่กลั้นกันไม่ได้

แล้วประเทศไทยควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้? ถ้าเป็นตอนนี้ เวลานี้ ยุคปัจจุบัน สวอิเฎลคิดว่า เราควรคิดถึงปัญหาการเหยียดเพศเพราะประจำเดือน เช่น การด่าโดยใช้คำว่า สาปกี , การดูถูกว่าประจำเดือนโสโครกทั้ง ๆ ที่ทุกคนก็เคยเรียนมาแล้วว่ามันขับออกมาเมื่อเดือนนั้น ๆ ไม่ได้ตั้งครรภ์ , การกีดกันผู้หญิงในศาสนสถานเพียงเพราะผู้หญิงมีประจำเดือน เป็นต้น สวอิเฎลมีความเห็นส่วนตัวว่า การเหยียดเพศเหล่านี้ควรได้รับการแก้ไขก่อนการแจกผ้าอนามัยฟรีเสียอีก ประจำเดือนเป็นเรื่องน่าเบื่อรายเดือนอยู่แล้ว สังคมก็ไม่ควรเล่นเกมส์จิตวิทยาให้ผู้หญิงรู้สึกแย่ขึ้นไปอีก

ผู้หญิงควรได้รับความยุติธรรม

ผู้หญิงทุกคนควรได้รับความยุติธรรม เกลียดปิตาธิปไตย

ผู้หญิงในประเทศไทยควรได้รับความยุติธรรม ไม่เอาปิตาธิปไตย

Leave a comment

Filed under Uncategorized

Normal Distribution is not the solution of students’ Grade

Grading system is not something complex, but people in higher position in educational institute were those who try to make it hard. Teachers should be free to grade their students based on the actual quality of work, project, and exam results. However, there are those people who control the system. They have the idea that all students’ grades have to fit in normal distribution curve.

How to cite this post in academic journal
Eden, S. W. (2022, September 25). Normal Distribution is not the solution of students’ Grade. Sw-Eden.NET. https://swedenofficial.wordpress.com/2022/09/25/normal-distribution-students-grade/

Copyrights by the Sw Eden, 2022

students drank water it is not a class I expect them to see

Many times, normal distribution curve is impossible for project-based learning or online class, where teachers assigned more assignments, and let students do less examination or quiz.

Lately, these kinds of class activities were preferred by those who control the system, but they still need to see normal distribution. The location of where I am talking about is Thailand. These students were Thai students. None of them are international or foreigners.

As the results of changing in evaluation and class activities, the grading is affected, too. For example, I assigned students to create short films by speaking English, and each performed as 2 persons talking to one another. Since they are TV broadcasting and film students, they could do very good at this. They had time to practice as much as they wanted before they filmed themselves. Therefore, overall grades are somewhat high.

racing between students in class it is like running to get good grade

When I submitted the grades, most students received A and B, rather than B and C, as those class that more than half of the scores or points were based on examination results.

What I would ask or conclude here is that we must change attitude of the people with high positions in education institute, whether they are dean, president, entrepreneur, or manager. They must understand the nature of students and their ability, rather than rely on normal distribution.

Students are not the same we cannot treat them the same or give them the same grade or GPA

Students are different in background but we can teach them in project based learning class

Copyrights by the Sw Eden, 2022

Leave a comment

Filed under Uncategorized

What Thailand actually needs, patriarchy or post-feminism?

I started to see the fact that most criminals are men, and most of the cases they took advantage from women, while in news reports in Thailand, they are more likely to report only female perpetrators, just because they need audiences to read it. Before I am feminist, I thought that men are smarter than women because most managers/bosses are male, but after I grew up and work for a while, these men stole my work without giving credit. When I try to fight back, they threaten me many ways. In my workplace, men like to team up to have more power in the organization, and start the corruption. Only women who can be the bosses or managers are those who are the mistress or sisters of powerful men.

How to cite this post in academic journal
Eden, S. W. (2022, September 25). What Thailand actually needs, patriarchy or post-feminism? Sw-Eden.NET. https://swedenofficial.wordpress.com/2022/09/25/thail-patriarchy-post-feminism/

bosses or managers mistress or sisters of powerful men

In Thailand, I feel it is very bad right now. Do you see the fight between those teenagers with 3-fingered salute and our government during 2020-2022? These teenagers believe in anarchy (but they claim that they are pro-democracy) and they want to change the society to be post-feminism. Like, they need women to be sexually-objectified themselves serving men’s sexual need.

Because of this, most people in Thailand do not like these protestors. There are only few feminists in my country though. Because, we do not have enough scholars and teachers who can actually educate people with this. Therefore, right now, it becomes to fight between patriarchy/men-right-movement and post-feminism. Good people tried to protect/praise men, and bad people need women to be sex hungers.

patriarchy men right movement and post feminism

These are not what I want to see. I want good people or even the current government support the diversity. I want to see the right feminism movement in my country, not these post-feminists who supported political party with corruption.

Please feel free to put my answer in your paper or your website. I am okay with that. You don’t need to let me sign or see the consent form.

right feminism movement political party corruption

right feminism movement political party corruption

Leave a comment

Filed under Uncategorized

What the famous social network hates when we say?

Many people have found a difficulty in communication in some social network. Social network could be in the format of social networking site (SNS) or application. Some of them might be secretly monitored by non-governmental organization (NGO) (but it is government-back, you know). Therefore, there is something we can say, and we cannot. Some hate speech toward some group is considered as hate speech, while some is not.

Cite as: Eden, S. W. (2022). What the famous social network hates when we say? SW-Eden.NET. https://swedenofficial.wordpress.com/2022/09/25/hate-speech-double-standard/

double standard unfairness in social network post

I read research papers about expression in the form of misogyny and misandry The researchers found that misandry is not allowed in a social network, while misogyny is allowed and not considered as hate speech.

Gender-based discrimination is not only issue about double standard policy. Politics view is also a significant factor of who is going to be banned. They tried to control what we can speak and what we cannot. Whenever we support the countries that they perceive as their enemy, they will ban or delete our account. There is no real freedom of speech, including among those who say they have.

Why is not allowed in a social network while misogyny is allowed

Politics view is not only about the conflict between different countries, but also different parties in the same country. We all know that a former leader of a country and his supporters got suspended or banned from some social networks. Can we call that freedom of speech?

In Asian, if you support gender equality, they will like your expression. This might be because they can use it as an anti-government tool. However, if you support the same issue in some western country, they will ban you. In the particular country, some found that only white, male, and rich people are the only group that really have liberty and freedom. Other people could experience oppression. Some experienced this greater than people in Asian, where they believe that we really do.

anti government tool for some country but support some other group I dont like the particular social network

social networking site or application does not really support gender equality

Leave a comment

Filed under Uncategorized