Category Archives: Got_infringed

3 วิธี ขอเลขเด็ด แมลงกระดิ่งเงินกระดิ่งทอง

3 วิธี ขอเลขเด็ดจาก แมลงกระดิ่งเงิน กระดิ่งทอง

เขียนโดย รตจิตร
Written by Ratajit |January 22, 2018

ขอเลขเด็ด

ติดต่อซื้อ 599 ตัว 200 บาท รับเองที่หน้าห้างพาต้า รตจิตร 0812980167
facebook: ขายแมลง กระดิ่งเงินกระดิ่งทอง

**งานเขียนของ รตจิตรนี้ เพื่อให้เพื่อน ๆ ที่เคยเลี้ยงแมลงกระดิ่งเงินกระดิ่งทอง หรือมือใหม่อยากเลี้ยงได้อ่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อน ๆ ที่ชอบขอเลขเด็ด เพื่อนที่เลี้ยงกระดิ่งเงินกระดิ่งทอง รักแมลงนำโชค ทั้งนี้ห้ามมิให้คัดลอก หรือนำไปใช้เพื่อการค้าหรือใช้ในเว็บไซต์อื่น ไม่ว่ากรณีใด ๆ

รตจิตรได้เขียนเรื่อง วิธีการเลี้ยง น้องแมลงกระดิ่งเงินกระดิ่งทอง ไปแล้ว ซึ่งข้อมูลทั้งหมดได้มาจาก อ.พราว อรุณรังสีเวช ซึ่งเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่เลี้ยงแมลงกระดิ่งเงินกระดิ่งทอง รตจิตรคิดว่า เพื่อน ๆ หลายคนเลี้ยง อาจมีความเชื่อส่วนตัวว่า เป็นแมลงนำโชค ผู้ที่ค้าขาย ถ้าเลี้ยงแล้วจะร่ำรวย ผู้ที่ชอบขอเลขเด็ด เพราะชอบเรื่อง ล็อตเตอรี่ หรือหวยรัฐบาล หรือ หวยบนดิน ก็นิยมที่จะขอเลขเด็ด 2 ตัว 3 ตัว หรือรางวัลที่ 1 เลย จากน้องแมลงกระดิ่งเงินกระดิ่งทอง คราวนี้รตจิตรอยากฝากเพื่อน ๆ เรื่องวิธีการขอเลขเด็ดจาก น้องแมลงกระดิ่งเงินกระดิ่งทอง ดังนี้

ขอเลขน้องแมลงกระดิ่งเงินกระดิ่งทอง

วิธีขอเลขเด็ด 3 วิธี

หลายคนบอกว่า ไม่ว่ารตจิตรจะใช้วิธีใด พวกเขาใช้วิธีให้ตัวเลข น้องแมลงก่อน lottery ออกเพียง 1-2 วัน และรอดูเลขที่น้องแมลงดันขึ้นมาก่อน ก็เป็นตัวแรก และตัวต่อ ๆ ไป
วิธีที่ 1. เขียนเลข 0-9
รตจิตรใช้วิธีเขียนเลข 0 ถึงเลข 9 เพราะไม่มีเลขในใจเลย แล้วรตจิตรก็วางลงไปให้ แมลงกระดิ่งเงินกระดิ่งทอง เพื่อดูว่าน้องแมลงจะเลือกเลขอะไรให้รตจิตร

ขอเลขเด็ดน้องแมลง

วิธีที่ 2. เขียนเลขในใจให้น้องแมลงโหวต

กรณีนี้ เหมาะสำหรับเพื่อน ๆ ที่มีเลขอยู่ในใจ ถ้ารตจิตรมีเลขที่เป็นเป้าหมายอยู่แล้ว รตจิตรจะตัดเป็นเบอร์เล็ก ๆ เพื่อให้น้องแมลงเห็น โดยรตจิตรจะเขียนให้ชัดเจนระหว่าง เบอร์ 6 กับเบอร์ 9 หรือเบอร์ 3 กับเบอร์ 8 เป็นต้น รตจิตรรอจนน้องแมลงดันเลขที่ใส่ลงไปให้น้องแมลงเลือก ซึ่งอาจจะเป็น เลขท้าย 2 ตัว หรือ 3 ตัวก็ได้

ขอเลขเด็ดน้องแมลง

วิธีที่ 3. ดูจากผักที่ให้น้องแมลงกินว่าเป็นเลขอะไร

เนื่องจากอาจารย์พราว เลี้ยงน้องแมลงกระดิ่งเงินกระดิ่งทอง โดยให้ผักด้วย ได้แก่ ผักขาว กระหล่ำปลี ถั่วฝักยาว ใบไชยา และแครอท เป็นต้น รตจิตรเห็นอ.พราว ตัดผักขาวเป็นเส้นเล็กบางๆ แล้ววางให้น้องแมลงกิน ส่วนมากจะวางไว้ตามมุม ซึ่งเป็นจุดที่รตจิตรเห็นน้องแมลงชอบอยู่กันเยอะมาก ๆ ตามมุม
เมื่อน้องแมลงกินผัก ให้เวลาน้องแมลงสักพัก รตจิตรอยากให้เพื่อน ๆ สังเกตว่าผักมีรูปร่างคล้ายเลขอะไร ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่รตจิตรอยากแนะให้ทำนะ แต่วิธีนี้อาจดูเลขยาก รตจิตรอาจพูดได้ว่าเดาเลขยากนั่นเอง

ขอเลขน้องแมลงกระดิ่งเงินกระดิ่งทอง

สุดท้ายนี้รตจิตรคิดว่าเพื่อน ๆ คงชอบทั้ง 3 วิธี และอาจได้ใช้ทั้ง 3 วิธี เพื่อนบางคนเล่าให้รตจิตรฟังว่า ต้องพูดกับน้องแมลงด้วย พูดบ่อย ๆ พูดทุกวันด้วย อย่างไรก็ตาม หาเพื่อน ๆ ชอบวิธีไหนก็ขอให้โชคดี และประสบความสำเร็จนะคะ วันนี้รตจิตรพอแค่นี้ก่อน สวัสดี

1 Comment

Filed under Got_infringed

ทำอย่างไร เมื่อเล็บคัน เชื้อราที่เล็บ

Fungal infection or Nail fungus
สรุปโดย รตจิตร
Concluded by Ratajit |November 4, 2018

**งานเขียนของ รตจิตรนี้ ถือเป็นวิทยาทานเพื่อให้ทุกคนได้อ่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อน ๆ ที่มีปัญหาเรื่องเล็บคัน หรือมีบุตรหลานที่ชอบกัดเล็บ รตจิตรเขียนจากประสบการณ์จริงเกี่ยวกับข้างเล็บนิ้วโป้งคัน ห้ามมิให้คัดลอกนำไปใช้เพื่อการค้าหรือนำไปใช้ในเว็บไซต์อื่น ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งนี้อนุญาตให้นำไปใช้ในสถาบันการศึกษาเพื่อเป็นวิทยาทาน โดยต้องอ้างอิงแหล่งที่มาและชื่อผู้เขียน

เชื้อราที่เล็บ

หลายคนบอกว่าถ้า รตจิตรเล็บคัน หมายความว่า เกิดจากเชื้อรา ภาษาอังกฤษที่ใช้กันคือ Fungal infection หรือ Nail fungus หรือ Fungal nail infection หรือ Onychomycosis หรือ Dermatophytic onychomycosis หรือ Tinea unguium บ้างก็บอกว่าเชื้อแบคทีเรีย แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่ทั้ง 2 สาเหตุ แต่เกิดจากระบบประสาทบริเวณเล็บ รตจิตรพยายามหาที่รักษามาหลายแห่ง เพราะการคันเล็บทำให้รตจิตรดูเสียบุคลิกมาก เพราะรตจิตรต้องคอยเกา ซึ่งมีวิธีเกาได้หลายรูปแบบจริง ๆ

สาเหตุของ เชื้อรา เชื้อแบคทีเรียที่เล็บ

เชื้อราที่เล็บ ถ้าเป็นแล้ว ต้องใช้เวลานานมากกว่าจะรักษาได้ หากดูแลไม่ดี ยังมีโอกาสติดไปที่เล็บอื่น ๆ ได้ด้วย ไม่ว่าจากเล็บมือไปเล็บเท้า หรือในทางกลับกัน นอกจากจะรักษาให้หายยากแล้ว ยังมีโอกาสกลับมาเป็นใหม่ได้ง่ายอีกด้วย รตจิตรขอสรุปสาเหตุที่ทำให้เกิดเชื้อรา เชื้อแบคทีเรียที่เล็บ เกิดจาก

Nail fungus เชื้อราที่เล็บ

1. เล็บติดเชื้อรา
มือของเราเป็นอวัยวะที่จับไปทั่ว ทำให้โอกาสติดเชื้อราได้ง่าย และอาจเกิดจากการสัมผัสผู้ที่เป็นเชื้อราอยู่แล้ว โดยเราไม่รู้
2. เล็บติดเชื้อแบคทีเรีย
ในวัยเด็ก รตจิตรเคยกัดเล็บ เด็ก ๆ หลายคนชอบกัดเล็บ เพราะเพลินจากการดูหนัง ดูทีวี หรือเพราะเครียดจากการเรียน การทำการบ้าน การสอบ หรือเครียดจากพ่อแม่ดุด่าในวัยเด็ก เป็นต้น รตจิตรในวัยเด็ก ไม่ได้กัดเล็บรุนแรง แต่ชอบใช้ลิ้นดุน ๆ เพื่อไม่ให้เล็บแห้ง กรณีของรตจิตร จึงไม่ใช่เชื้อรา แต่น่าจะเป็นเชื้อแบคทีเรียจากน้ำลายมากกว่า อย่างไรก็ตามพอขูดเนื้อข้างเล็บของรตจิตรไปตรวจ กลับไม่พบทั้งเชื้อรา และเชื้อแบคทีเรียเลย โชคดีไป
นอกจากนี้ หมอที่รตจิตรเคยไปหา ยังบอกว่า น้ำประปาก็มีส่วนของ Bacteria มากเช่นกัน ทำให้คนที่ล้างมือบ่อย อาจติดเชื้อแบคทีเรียในน้ำมาได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำผงซักฟอก
3. คนที่มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ
ในวัยเด็กซึ่งมีภูมิคุ้มกันต้นทานโรคค่อนข้างต่ำ จึงพบว่าเกิดเชื้อราที่เล็บกันเป็นจำนวนมาก ส่วนรตจิตร แม้จะโชคดีที่ไม่ได้เป็นทั้งเชื้อรา หรือเชื้อแบคทีเรีย แต่ก็สร้างความรำคาญใจให้รตจิตรเองไม่น้อยเลย

เล็บคัน เชื้อแบคทีเรียที่เล็บ

จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นเชื้อรา หรือไม่

1. รตจิตรหาหมอ เพื่อวิเคราะห์ผิวหนัง
รตจิตรทำได้อย่างเดียวคือหาหมอ แต่รตจิตรไม่กินยานะ รตจิตรให้หมอขูดผิวหนังข้างเล็บออกเป็นเนื้อขุย ๆ เพื่อนำไปเช็คว่าเป็นเชื้อรา หรือแบคทีเรีย หรือไม่ใช่ สมัยก่อนไม่มี Internet ให้ใช้ รตจิตรไม่สามารถค้นหาข้อมูล เพื่อหาความรู้ หาตัวช่วยได้เลย คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีความรู้แบบปัจจุบัน แม้แต่ตามคลินิก หลายแห่งก็ต้องส่งให้โรงพยาบาลตรวจเช็คเชื้อในแล็บ รตจิตรตรวจรักษาเล็บคันหลายที่ก็ไม่เจอว่าเป็นเชื้อรา หรือแบคทีเรีย เพราะถ้าเป็นเชื้อราก็ต้องกินยาเม็ดแก้หรือต้านเชื้อรา แต่หมอทุกคนก็ไม่เจอเชื้อราในเล็บของรตจิตร มีโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่ง ที่หมอบอกว่า หาเชื้อราไม่พบ แสดงว่าที่รตจิตรเล็บคันเพราะมาจากแบคทีเรีย ซึ่งพบในน้ำผงซักฟอกได้ง่าย
2. รตจิตรดูลักษณะและอาการของเล็บติดเชื้อรา
– เล็บคัน
– เล็บมีโพรงช่องว่างระหว่างเล็บกับเนื้อใต้เล็บ
– เล็บมีลักษณะหนา และอาจขรุขระ หรือเปลี่ยนเป็นสีเหลือง
– อาการเล็บคันอาจคันลามไปเล็บอื่น
– ลักษณะเล็บผิดรูปเพราะเกา หรือเล็บกินเข้าไปในเนื้อ

เล็บคัน เชื้อแบคทีเรียที่เล็บ

เชื้อราที่เล็บ รักษาอย่างไร

ตอนที่ รตจิตร ไปหาหมอ หมอส่วนมากจะใช้วิธีการรักษาโดยให้ยาทาข้างจมูกเล็บ และให้ยากินซึ่งมี 2 แบบคือ ยาแก้แพ้ และยาแก้คัน ตามความเห็นส่วนตัวของรตจิตรนะ ไม่ได้ช่วยรักษาจริงเลย ด้วยเหตุผลดังนี้

1. ยาทาเป็นสารสเตียรอยด์ (Steroid)
รตจิตรไปหาหมอหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลชื่อดัง อันดับต้น ๆ ของกรุงเทพฯ ที่ให้ยาแก้คันที่มีขายตามท้องตลาด รวมถึงแพทย์บางคนสั่งยาที่ตนเองผสมเอง โดยใช้ไขมันกับสารสเตียรอยด์ผสมด้วยกัน หรือแม้แต่คลินิกโรคผิวหนังชื่อดังมาก ๆ ที่ให้ยารตจิตรมาทาก็เช่นกัน ไม่มีที่ไหนรักษาเล็บคันของรตจิตรได้หาย ความเห็นส่วนตัว แม้จะใช้สารสเตียรอยด์ทาภายนอก ก็ไม่ดีเท่าไร เพราะสารสามารถซึมเข้าร่างกายได้ หมอมักพูดว่าน้อยมาก ไม่เป็นอันตราย แต่ในเมื่อรตจิตรรู้แล้วว่า สารสเตียรอยด์ไม่ดีต่อร่างกาย ก็ไม่ทาดีกว่า

เล็บคัน เชื้อราที่เล็บ Nail fungus

2. ยาเม็ดกินแก้แพ้ แก้คัน
การกินยาที่ไม่จำเป็นย่อมมีผลต่อตับ สมัยก่อนรตจิตรก็กินตามหมอสั่ง เดี๋ยวนี้รตจิตรไม่กินยาเลยค่ะ

3. ยาเม็ดต้านหรือฆ่าเชื้อรา
พอดีรตจิตรไม่ได้ติดเชื้อรา แต่หาเช็คเชื้อในห้องแล็บแล้วพบว่ามีเชื้อรา ก็จำเป็นต้องฆ่าเชื้อราก่อน ซึ่งหลายคนมองว่า รักษายาก รตจิตรสังเกตว่า คนที่เล็บมีเชื้อรา มักจะติดไปที่เล็บอื่นด้วย แต่ถ้าเป็นเล็บเดียว คันอยู่เล็บเดียวไม่ได้ติดลามไปเล็บอื่น ก็ไม่น่าจะใช่เชื้อรา

เล็บคัน จะทำอย่างไร

1. รตจิตรใช้ยาทาเล็บ
วิธีนี้ทำให้ รตจิตร ไม่เกา และสามารถป้องกันเล็บอื่น ๆ ติดเชื้อราไปด้วย
2. รตจิตรลอกเล็บออก
ด้วยความรำคาญเรื่องความคันของจมูกเล็บนิ้วโป้งมานาน เล็บที่นิ้วโป้งของรตจิตร มีลักษณะ หนาและแข็งมาก จะรักษาได้ยากกว่าเล็บบางอ่อนของนิ้วอื่น ๆ ทำให้หมอแนะนำให้ลอกเล็บออกหลังจากรักษามานาน เจ็บมาก เจ็บตั้งแต่ใช้เข็มฉีดยาชาเขาไปตามมุมจมูกเล็บของรตจิตร และหมุนเข็มยาชานั้นไปรอบ ๆ เล็บ เพื่อให้ยาชากระจายไปทั่ว ๆ ก่อนลอกเล็บ

เชื้อราที่เล็บ Nail fungus

3. รตจิตรไม่ทำอะไรกับเล็บที่คัน
เนื่องจากเล็บของรตจิตรคันเพราะเกี่ยวข้องกับประสาทตามนิ้ว รตจิตรจึงพยายามห้ามใจตัวเอง ไม่เกา ไม่กดเล็บที่คัน ไม่ถูไม่มา หรือตัดแกะให้เจ็บ ๆ แทน จะได้ไม่เกา

สมัยก่อนตอนเด็ก ๆ เล็บของรตจิตรคันมาก รตจิตรใช้หลายวิธีมากเพื่อแก้อาการคัน ได้แก่
– วิธียอดฮิตคือกัดเล็บ แม้แต่ปัจจุบันก็ยังเห็นเด็กบางคนยังชอบกัดเล็บอยู่
– รตจิตรเกา หรือกด บางทีรตจิตรก็เอา cutter ตัดหนังข้าง ๆ และใต้เล็บออก
– ใช้ลิ้นเอาน้ำลายดุน ๆ ตลอด

เชื้อราที่เล็บ Nail fungus

ดูแล เรื่องเล็บคันได้อย่างไร

1. ถ้าเล็บติดเชื้อรา หรือแบคทีเรีย
– รตจิตรขอแนะนำว่า ถ้าเพื่อน ๆ ได้รับการวินิจฉัยแน่ชัดว่าติดเชื้อรา หรือแบคทีเรีย ก็ต้องกินยาต้านตามหมอสั่ง
– รักษาความสะอาดให้ดี โดยเฉพาะเชื้อรา เพื่อไม่ให้ลามติดไปเล็บอื่น รตจิตรคิดว่าการใช้กรรไกรตัดเล็บควรแยกใช้เสียด้วยสำหรับเล็บที่คัน เผื่อมีเชื้อรา จะได้ไม่ติดต่อไปเล็บอื่น ถ้าเป็นที่เท้าก็ต้องซักถุงเท้าหรือล้างรองเท้าให้สะอาดเพียงพอ
2. ถ้าเล็บคันเพราะเส้นประสาท
รตจิตรขอแนะนำไม่ให้เกา อย่าแคะแกะเกา ถูไถไปมาด้วยนิ้วอื่นเด็ดขาด แล้วอาการจะหมดไป ลักษณะเล็บจะดีขึ้น
3. รตจิตรใช้โลชั่นที่ทาหน้าทา
รตจิตรใช้ night cream เครื่องสำอางค์ยี่ห้อหนึ่งทา ปรากฎว่า เนื้อที่แยกจากเล็บ สามารถติดกันไปเหมือนเดิม แต่ต้องไม่แกะเกาอีก เพราะอาจทำให้เนื้อแยกได้เหมือนเดิม

เชื้อราที่เล็บ

3 Comments

Filed under Got_infringed

10 วิธีกำจัดเพลี้ย

Get rid of insects of trees (aphids, mealybugs and scale insects)
สรุปโดย รตจิตร
Concluded by Ratajit |October 2, 2018

ต้นกระบองเพชร

**งานเขียนของ รตจิตรนี้ ถือเป็นวิทยาทานเพื่อให้ทุกคนได้อ่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อน ๆ ที่รักการปลูกต้นไม้ ห้ามมิให้คัดลอกนำไปใช้เพื่อการค้าหรือนำไปใช้ในเว็บไซต์อื่น ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งนี้อนุญาตให้นำไปใช้ในสถาบันการศึกษาเพื่อเป็นวิทยาทาน โดยต้องอ้างอิงแหล่งที่มาและชื่อผู้เขียน

ใช้พริกฆ่าเพลี้ย cactus

คำนำ 10 วิธีการกำจัดเพลี้ย
เรื่องที่ รตจิตร กำลังจะบอกต่อให้เพื่อน ๆ เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนรักต้นไม้ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นต้นกระบองเพชรที่คนปลูกมักให้เวลามากพอสมควร หรือต้นหนุมานนั่งแท่นที่รตจิตรปลูกขาย เพื่อเป็นทั้งไม้มงคล และสมุนไพรรักษาโรค ในเพจ facebook ขายต้นหนุมานนั่งแท่น – สมุนไพร หรือต้นไม้ทั่วไป เพราะต้นไม้บางต้น รตจิตร คิดว่าเพื่อน ๆ ต้องรักมาก เลี้ยงอย่างดี ดูแลตลอด ให้เวลาและมีต้นทุนที่เกี่ยวกับกับต้นไม้เหล่านี้มากจริง ๆ ซึ่ง รตจิตร ก็เคยเจอปัญหาเรื่องเพลี้ยเช่นกัน และพยายามกำจัดเพลี้ยโดย ใช้ทั้งพริก กระเทียม ใบยาสูบจากบุหรี่ เป็นต้น

10 วิธีการกำจัดเพลี้ย

เกี่ยวกับ 10 วิธีการกำจัดเพลี้ยนี้ รตจิตร หมายถึง Scales insect คือเพลี้ยรวม ๆ ทุกประเภท โดยวิธีกำจัดเพลี้ยส่วนมาก รตจิตรได้ข้อมูลมาจากอาจารย์พราว อรุณรังสีเวช ทุก ๆ วิธี อจ.พราว เป็นคนทดลองด้วยตนเอง และดูผลของการกำจัดแต่ละวิธีด้วย เนื่องจากเพลี้ยบางชนิดสามารถกำจัดได้ง่าย บางชนิดก็กำจัดได้ยากมาก ๆ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการ หรือระยะเวลาที่ใช้ และบางประเภทก็ยังหาวิธีกำจัดไม่ได้ จนทำให้ต้นกระบองเพชรต้องตาย เป็นต้น

เพลี้ยแป้งหางสั้น

ประเภทของเพลี้ย จากประสบการณ์

รตจิตร ไม่ได้อ้างอิงตามหลักวิชาการ แต่ 10 วิธีการกำจัดเพลี้ยน่าจะเรียกได้ว่า วิธีกำจัดเพลี้ยภาษาชาวบ้าน รตจิตรอาศัยประสบการณ์การปลูกต้นไม้ของรตจิตร เองมาประมาณ 40-50 ปี ที่ รตจิตรพบเห็นมาในชีวิต รตจิตรยังเห็นว่าต้นไม้บางชนิดไม่มีเพลี้ยมายุ่งเลย แต่ต้นไม้บางชนิด รตจิตรเจอเพลี้ยหลายประเภทมาก ได้แก่

เพลี้ยแป้งหางสั้น

1. Aphids หรือเพลี้ยเหลือง เป็นตัวเล็ก ๆ สีเหลือง ได้แก่ เพลี้ยที่ รตจิตรพบในใบกระเพา
2. Mealybugs หรือเพลี้ยแป้ง สีขาว ไม่ว่าจะเป็นเพลี้ยแป้งหางยาว (Long tail Jack Beardsley Mealybugs) หรือ เพลี้ยแป้งหางสั้น (Short tail Jack Beardsley Mealybugs) ที่ รตจิตรเห็นประจำบนหน่อยหน่า และมังคุด เป็นต้น กระบองเพชร ที่มีลักษณะต้นยาว ๆ เลื้อย ๆ เพราะลำต้นค่อนข้างอ่อน มักจะมีเพลี้ยแป้งเยอะ จนทำให้ยอดของต้นหงิกได้

ต้นกระบองเพชร

3. Diaspis หรือเพลี้ยที่เป็นเส้น ๆ สีขาว รตจิตร คิดว่าเพลี้ยชนิดนี้ร้ายกาจมาก สามารถทำให้ต้นไม้ล้มตายได้ทั้งต้น พบได้บ่อยกับต้นไม้ประเภทกระบองเพชร กล้วยไม้ เพลี้ย Diaspis น่ากลัวที่สุด เพราะกำจัดยากจริง และถ้ามันขึ้นไปมากพอ ต้นจะตาย

4. เพลี้ยต้นมะม่วง ได้แก่ เพลี้ยหอย ที่เป็นตุ่ม ๆ ท้องใบมะม่วง และเพลี้ยไฟที่ทำให้ใบมะม่วงไหม้ได้ ตามที่ รตจิตรได้เห็นจากการปลูกต้นมะม่วงมาเป็น สิบ ๆ ปี

Scales insect on Opuntia Tuna Monstrusa

10 วิธีการกำจัดเพลี้ย

วิธีที่ 1 ใช้เขี่ยออก หรือบี้ตาย
รตจิตร คิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีแก้ปัญหาทันทีเมื่อเห็น จะเห็นได้ว่า ใช้เวลา และใช้สายตาค่อนข้างมาก กระบองเพชรต้นผอมๆ มีเพลี้ยแป้งเยอะมาก อาจารย์พราว ต้องคอยแกะเพลี้ย เพื่อบี้ให้ตายทุกวัน ถ้ายังคงทำตามวิธีนี้ต่อไป เพื่อน ๆ คงไม่ต้องทำอะไร จึงเกิดวิธีอื่น ๆ ตามมา

กระเทียม หรือ Garlic

วิธีที่ 2 ใช้กระเทียม
อจ.พราว ใช้วิธีวางกระเทียมสดไว้ตามโคนต้นไม้ หรือ ใช้น้ำแช่กระเทียมสด ฉีดพ่น
วิธีที่ 3 ใช้ใบยาสูบ
อจ.พราว ใช้วิธีก้นบุหรี่ไว้ตามโคนต้นไม้ หรือ ใช้น้ำแช่บุหรี่ เฉาะที่เป็นใบยาสูบ ฉีดพ่น

Aphids- mealybugs and scales on Cactus

วิธีที่ 4 ใช้น้ำสะเดา
อจ.พราว เกือบจะซื้อมาลอง คือ น้ำยาส่วนผสมสะเดาที่ขายตามร้านต้นไม้ เป็นขวด ๆ ละประมาณ 50-70 บาท แล้วแต่ยี่ห้อ แต่กลัวเป็นอันตรายกับสิ่งมีชีวิตอื่น ปรากฎว่าเพื่อนของอจ.พราว เคยใช้ฉีดพ่นเพลี้ยบนต้นไม้ เพื่อนของ อจ.พราว ยืนยันว่าไม่เป็นอันตรายกับน้องหมา เพราะน้องหมาของเพื่อน อจ.พราว ชอบไปกินต้นไม้ด้วย แต่ต้องฉีดอย่างน้อย 3-4 ครั้ง อย่างไรก็ตาม รตจิตรเคยให้ยอดสะเดามาแช่น้ำแล้วฉีด หรือรดบนต้นไม้ เหมือนว่าป้องกันเพลี้ยได้ชั่วคราว พอกลิ่นหมดก็เห็นได้อีก

Proud and cactus

วิธีที่ 5 ใช้ฟองแชมพู
ฟองแชมพูนี้ มีที่มามากมาย ได้แก่ ยาสระผม น้ำยาฆ่าเห็บหมัดของสุนัข เมื่ออาจารย์พราว ใช้วิธีนี้ จะทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้ว อจ.พราว ก็ต้องรีบล้างออกให้สะอาด เพราะ
– ฟองไปเคลือบใบ ทำให้ใบไม่สามารถหายใจได้ เป็นผลเสียแก่ต้น
– ฟองบางอย่างแรง รตจิตร เห็นเลยว่า ถ้ามีส่วนตกค้างอยู่ ทำให้ใบไหม้ได้

ใบไหม้ หลังกำจัดเพลี้ย

วิธีที่ 6 ใช้ฉีดน้ำแรง
รตจิตรเคยใช้วิธีนี้ โดยการฉีดน้ำแรง ๆ ไม่เหมาะกับต้นไม้ที่บอบบาง ดอกหรือเมล็ดร่วงง่าย เช่น ต้นหนุมานนั่งแท่น แม้จะเป็นสมุนไพรที่ทน และแข็งแรง ปลูกง่าย แต่ประโยชน์มาก ดอกของมันก็ทนน้ำที่ฉีดแรง ๆ ไม่ได้ เป็นต้น

cactus

วิธีที่ 7 ใช้ยาฉีดกันยุง
การฉีดยากันยุง อาจเป็นอันตรายกับเด็กและสัตว์เลี้ยง ยกเว้นห่างไกลออกไป

วิธีที่ 8 ใช้บอแรกซ์
เช่นเดียวกับวิธีที่ 7 เพราะอาจเป็นอันตรายได้

วิธีที่ 9 ใช้ส่วนผสมธรรมชาติ
อาจารย์ พราว เห็นตามเว็บไซต์มีการ ใช้ กาแฟ ผสมกะทิ รดล้างเพลี้ยตามต้นไม้ ซึ่งก็ไม่ค่อยได้ผล อจ.พราว จึงใช้ส่วนผสมตามนี้ ซึ่งเรียกว่าเป็นสูตรเฉพาะตัวของอจ.พราว และก็ใช้ในการกำจัดเพลี้ยได้ค่อนข้างดี คือ กาแฟ, พริก, ใบยาสูบจากบุหรี่, น้ำส้ม โดยเมื่อผสมเสร็จ อจ.พราว ต้องกรองเพราะจะไว้ในกระบอกฉีด รตจิตรเคยไม่กรอง ทำให้กระบอกฉีดตันหมด

10 วิธีกำจัดเพลี้ย

วิธีที่ 10 ใช้ เหล้า ผสม น้ำส้มสายชู
รตจิตร เมื่อวันก่อน กำจัด Diaspis ตัวผู้เป็นเส้นสีขาว ตัวเมียมีเกราะสีดำหุ้มอยู่ทำให้ดูเหมือนเป็นตัวสีดำ ความจริงถ้าเอาเกราะหุ้มออก ก็จะเห็น Diaspis ตัวเมียเป็นสีขาวเช่นกัน ทำไมเพลี้ยประเภทนี้ต้องมีเกราะ ก็เพื่อเป็นแหล่งเก็บไข่ นั่นเอง ไป รตจิตร

วิธีกรองส่วนผสมกำจัดเพลี้ย

1 Comment

Filed under Got_infringed

เที่ยววันเดียว ไหว้พระ อำเภอสามพราน

เขียนโดย รตจิตร
Writen by Ratajit | June 13, 2017

วัดสามพราน นครปฐม

**งานเขียนนี้ของ รตจิตร ถือเป็นวิทยาทานเพื่อให้ทุกคนได้อ่าน โดยห้ามมิให้คัดลอก หรือนำไปใช้เพื่อการค้าหรือนำไปใช้ในเว็บไซต์อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเว็บไซต์ที่มีโฆษณา ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งนี้อนุญาตให้นำไปใช้ในสถาบันการศึกษา โดยต้องอ้างอิง แหล่งที่มาและชื่อผู้เขียน รตจิตร ตั้งใจเขียนบทความนี้สำหรับเพื่อน ๆ ที่มีเวลาน้อย สักครึ่งวัน แต่ต้องการเดินทางไปเที่ยวอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อการทำบุญ หรือทัวร์ไหว้พระ 3 วัด ครึ่งวัน หรือประมาณ 4 ชั่วโมง

บทความนี้เหมาะสำหรับเพื่อน ๆ ที่มีเวลาน้อย แต่อยากไปทัวร์ไหว้พระทำบุญ 3 วัน โดยไม่เหนื่อย สามารถพาคุณพ่อ คุณแม่ร่วมเดินทางไปด้วยได้ค่ะ และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมาก อีกทั้งยังเป็นแหล่งเรียนรู้อีกด้วย ระยะทางไป-กลับจากกรุงเทพฯ เพียง 74 กิโลเมตร (โดยอาศัย google map ทั้งสิ้น) โดยเริ่มจากวัดที่ไกล ๆ ก่อน คือวัดสามพราน วัดธรรมปัญญารามบางม่วง และวัดท่าไม้ โดยขาไปรตจิตร ขับไปทั้ง 3 วัด เป็นระยะทาง 40 กิโลเมตร และขาดกลับอีก 34 กิโลเมตร ดังนี้ (1) วัดสามพราน; (2) วัดธรรมปัญญารามบางม่วง; และ (3) วัดท่าไม้

หุ่นขี้ผึ้งวัดสามพราน นครปฐม

1. วัดสามพราน (พุทโธภาวนา สามพราน)

รตจิตร ขับรถจากแยกพุทธมณฑลสาย 4 ไป 24 กิโลเมตร เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัดบนเส้นถนนเพชรเกษม โดยเข้าทางออกพุทธมณฑลสาย 7 ไปเพียง 12 กิโลเมตร ใช้ช่องทางที่สามารถไปวัดไร่ขิงได้ รตจิตร อยากสรุปเกี่ยวกับวัดสามพราน ตาม Highlight ของวัด คือ
เมื่อเข้าประตูวัดไป ด้านซ้าย จะเห็นตึกพญามังกร 108 เกจิอาจารย์ มังกรตะกายฟ้าเป็นธรรมะเสาหลักปักษ์ค้ำฟ้า ซึ่งสูงใหญ่ ด้านในตัวมังกรยังสามารถเดินรอดเข้าไปในตัวมังกรด้วย แต่ตอนที่ รตจิตร ไปทำบุญที่วัดสามพรานนั้น จุดนี้ได้ปิดไว้อาจเพราะการก่อสร้างเก่าแก่นานเกินไปแล้ว ตามพื้นทางเดินมีรอยประทับฝ่ามือ และฝ่าเท้าของคนที่ทำบุญ

วัดสามพราน อำเภอสามพราน

นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปสูงตระหง่านอยู่บนอาคารประมาณ 4 ชั้น ตรงกลางระหว่างโบสถ์และศาลาด้านบน เมื่อขึ้นไปสักการะ จะเป็นองค์พระสีวลี อยู่ด้านหน้า ส่วนศาลาซ้ายมือก็มี หุ่นขี้ผึ้งของพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 1-7 และเกจิอาจารย์อีก 2 รูปอยู่ด้านขวามือ มีรูปหล่อเทวดาองค์เขียว ประทับนั่งสมาธิก้มหน้าอยู่ตรงกลาง
ก่อนกลับอย่าลืมแวะสักการะเจ้าแม่กวนอิมองค์ยืนอีกฝั่งหนึ่งด้วย รตจิตร ยังได้เตรียมชุดถวายสังฆทาน แด่พระสงฆ์ แต่ด้วยความศรัทธาชีหลายคนมากกว่า ที่พวกเธอขยันทำงาน รับผิดชอบ ชักชวนและคอยชี้นำญาติธรรมที่มาเยี่ยมเยียนที่วัด เพราะวัดใหญ่มาก แต่ไม่มีคนดูแล พระสงฆ์ก็เอาแต่จำวัด จึงเป็นหน้าที่้ของชี ครอบครัว รตจิตร จึงตัดสินใจถวายชี เพราะดูดีมีศีลกว่า

เจ้าแม่กวนอิม วัดธรรมปัญญารามบางม่วง

2. วัดธรรมปัญญารามบางม่วง

วัดธรรมปัญญารามบางม่วง อยู่เลยจากวัดสามพราน ไปเพียง 8 กิโลเมตร รตจิตรเพิ่งทราบจากเพื่อนใน facebook ว่า เนื่องจากเพิ่งมีพิธีถวายพระเกศองค์เจ้าแม่กวนอิม และตอนนี้อยู่ในช่วงของการทำบุญปิดทองดวงพระทัย เพื่อพิธีบรรจุหัวใจในวันที่ 30 มิถุนายน 2560 จึงชวนครอบครัวไปทำบุญและเที่ยว รตจิตร ขอสรุปสั้น ๆ เกี่ยวกับวัดธรรมปัญญารามบางม่วง ตาม Highlight ของวัด คือ

วัดธรรมปัญญารามบางม่วง อำเภอสามพราน

ที่วัดธรรมปัญญารามบางม่วงนี้ ด้านล่างมีเทพเจ้ามากมาย ได้แก่ พระยูไลไภษัชยคุรุพุทธเจ้า พระเงินใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เทพไฉ่ซิ้งเอี๊ย เป็นต้น ส่วนด้านล่างขององค์เจ้าแม่กวนอิม ขณะนี้ยังมีเสาเอกที่เป็นเสาคู่เงินทอง เพื่อญาติธรรมขอพร รตจิตร ยอมรับว่าองค์เจ้าแม่กวนอิมปางเสวยสุขทองที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้ งดงามจริง ๆ และการปิดทองคำยังปิดเป็นระเบียบมาก นอกจากนี้ด้านหลัง หรือด้านในยังมี โรงเจเฮงเส็งตั้ง และศาลเจ้าพ่อมังกรเขียว (เชเล่งเอี๊ยะกง) เพื่อสักการะ รตจิตรได้ทำบุญให้ทาน อาหารปลา เพราะวัดธรรมดาปลาก็ยังต้องกิน แต่คนนิยมมาเฉพาะเสาร์-อาทิตย์

วัดท่าไม้ สมุทรสาคร

3. วัดท่าไม้ อยู่ตำบลท่าไม้ จังหวัดสมุทรสาคร

แม้วัดท่าไม้จะไม่ได้อยู่สามพราน นครปฐม แต่วัดก็ตั้งอยู่ติดต่อกับนครปฐมเลยค่ะ เพียง 7.4 กิโลเมตร และจากวัดท่าไม้ รตจิตร สามารถกลับเข้ากรุงเทพค่อนข้างใกล้แล้วค่ะ มาออกถนนเพชรเกษมได้ไม่ยาก วัดนี้เป็นวัดเดียวที่รตจิตร ไม่ได้ทำบุญ เพราะมีความรู้สึกว่าเป็นวัดร่ำรวยจริง ๆ พระสงฆ์ก็อุดมสมบูรณ์ ทุกตารางเมตรมีจุดให้ทำบุญด้วยวิธีหลากหลาย รตจิตร คงไม่ต้องเขียนอะไรเกี่ยวกับวัดนี้มากมายเพราะเป็นวัดดังอยู่แล้ว
Hightlight ของวัดท่าไม้ คือมีวัวควาย และม้า เพื่อให้ทำบุญเลี้ยงสัตว์พร้อมทั้งไถ่ชีวิตโคกระบือ ต่อจากนั้นเป็นวิหารสีน้ำตาลแดงที่เด่นตระหง่าน ตรงบันไดด้านซ้ายมีพญานาคที่มีตัวกาลเวลาอมไว้ และด้านขวาคือ มอม ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
นอกจากนี้ วัดท่าไม้ยังมีเสาเทพยดาจำนวนมาก และยังมีโครงการอีกมากมายที่จะสร้างต่อไป

วัดท่าไม้ สมุทรสาคร

สรุปทริปทัวร์ไหว้พระนี้ค่อนข้างดีมาก รวม ๆ 4 ชั่วโมง เฉลี่ยใช้เวลาแต่ละวัด 1 ชั่วโมง และเดินทางอีกประมาณ 1 ชั่วโมง คือเริ่้มที่ วัดสามพราน วัดธรรมปัญญารามบางม่วง และวัดท่าไม้ รตจิตร หวังว่าน่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากแก่เพื่อน ๆ เพราะไม่ใช้เวลามาก ไม่ไกล ใกล้กรุงเทพ สวยงาม มีความรู้ ฯลฯ หากต้องการทำบุญ ก็ไม่จำเป็นต้องทำบุญแก่พระสงฆ์อย่างเดียว ชีดีมีคุณธรรมก็ยังมีค่ะ สวัสดี

วัดท่าไม้ สมุทรสาคร

2 Comments

Filed under Got_infringed

สุนัขเป็นโรคไตวาย สาเหตุจากอาหารการกิน

ตอนนี้ รตจิตร จะพูดถึงสาเหตุหลัก ที่ทำให้น้องหมาป่วยเป็นโรคไตเฉียบพลัน

โดยทั่วไปที่รตจิตรเห็นสุนัขเป็นโรคไต เพราะเกิดจากอาหารการกินอาหารที่มัน หรืออาหารทอด อาหารเม็ด หมอที่ไปรักษาบอกกับเจ้าของหมาป่วยทุกราย เพราะ อาหารไขมันสูงเหล่านี้จะส่งผลโดยตรงกับไต และก่อให้เกิดนิ่วได้เนื่องจากการตกตะกอน และการสลายอาหารไม่หมด ทำให้ไตทำงานหนัก สุดท้ายไตก็เสื่อม

สุนัขเป็นโรคไตวาย สาเหตุจากอาหารการกิน

หากจะให้กินอาหารเม็ด เจ้าของควรตั้งน้ำไว้ให้สุนัขเป็นกะละมัง เพื่อให้สุนัขสามารถกินน้ำได้มาก แต่ถ้าไม่ให้กินอาหารเม็ดเลย แต่ทำอาหารให้กินเอง จะเป็นการดี และทำให้สุนัขได้สารอาหารครบถ้วนกว่า

อาหารที่มีรสเค็มก็เช่นกัน สุนัขไม่ควรรับประทานเกลือเลย ดังนั้น ถ้าจะซื้อข้าวแกงจากร้านอาหารให้กินต้องระวังเรื่องนี้ อย่างที่บอก ทำให้น้องหมากินเองดีที่สุด ทำกับ แครอท ข้าว ถือว่าเลิศแล้วแล

การสังเกตสุนัขที่เป็นโรคไตวาย เจ้าของสังเกตเห็นอาการก่อน หรือทราบจากผลการตรวจเลือดน้องหมาที่มีอายุมากทุก 6 เดือน อย่างคนเราที่อายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป ก็ต้องระวังเรื่องการทำงานของไตแล้ว สุนัขก็เช่นกัน พออายุ 5 ปีขึ้นไป เจ้าของสามารถนำไปเจาะเลือดได้ทุก ๆ 12 เดือน พออายุ 7 ปี ก็เจาะเลือดทุก ๆ 6 เดือน เพื่อเช็คค่าไต (CR or Creatinine) และค่าของเสียในเลือด (BUN) และยิ่งถ้าผลเลือดออกมาเริ่มผิดปกติ ก็ควรทำการตรวจซ้ำทุก ๆ 3 เดือน เพื่อให้สามารถรักษาได้ตั้งแต่เริ่มมีอาการ โอกาสรอดชีวิตจึงมีมาก การรักษาก็ไม่ยาก โดยเฉพาะน้องหมาที่ตัวไม่ใหญ่ เพราะอุ้มได้ง่าย การดูแลให้กลับมาเป็นปกติย่อมทำได้ดี ทำได้ง่าย

ตัวอย่าง ผลการตรวจเลือด สุนัขเป็นโรคไต เพราะเกิดจากอาหารการกินที่มัน

บทนำ บรรยายเรื่องการเป็นโรคไตของสุนัข
อาการ ของสุนัข ป่วยเป็นโรคไต โรคไตวาย หรือ ไตวายเฉียบพลัน
วิธีรักษา สุนัขป่วยเป็นโรคไต ไตวาย ไตวายเฉียบพลัน
การดูแลน้องหมา ที่ป่วยเป็นโรคไตวาย
วิธีป้องกัน ไม่ให้ สุนัขป่วยเป็น โรคไต โรคไตวาย หรือ ไตวายเฉียบพลัน
วิธีการให้น้ำเกลือสุนัขป่วย ที่กินอาหารไม่ได้ หรือเป็นโรคไต
อาหารแนะนะสำหรับสุนัขที่เป็นโรคไต
วิธีการต้มหญ้าไผ่น้ำ การใช้หญ้าไผ่น้ำรักษาสุนัขเป็นโรคไต
โอกาสรอดชีวิตของ สุนัข โรคไตวาย
สุนัขเป็นโรคไตวาย สาเหตุจากอาหารการกิน
สุนัขเป็นโรคไตวายเฉียบพลันจาก ยาหยดเห็บ ยากิน

Leave a comment

Filed under Got_infringed

พระปุกกุสาติ (Pushkarasakti) พระอานาคามี ผู้ถูกวัวขวิดตาย

เขียนโดยรตจิตร

รตจิตร ชอบไปฟังธรรมบรรยาย โดย พระอาจารย์ กฤช นิมมฺโล ที่บ้านจิตสบาย พุทธมณฑลสาย 2 และเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2556 ก็เป็นอีกอาทิตย์หนึ่งที่ พอจ.กฤช ได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับ พระปุกกุสาติ มีความสั้น ๆ ดังนี้

พระปุกกุสาติ แห่งตักกศิลานคร แคว้นคันธาระ (Gandhara) เป็นพระราชาเกิดในกรุงตักกสิลา ทรงเป็นพระสหายทางราชสาส์นและบรรณาการ โดยที่ไม่เคยเห็นหน้ากันกับพระเจ้าพิมพิสาร (The king Bimbisara) แห่งกรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ แคว้นคันธาระ เป็นเมืองชายแดนประเทศปากีสถาน พอจ. เปรียบเทียบว่า หากแต่เป็นสมัยนี้ ก็เป็นเพื่อนกันได้ง่ายโดย Add friend ใน facebook และก็เห็นหน้ากันได้อย่างง่ายดาย พระปุกกุสาติ ทรงธรรม ปกครองประชาชนอย่างพ่อกับลูก
ครั้งหนึ่ง พระเจ้าปุกกุสาติส่งผ้ากัมพล หรือผ้าขนสัตว์ที่ตีค่ามิได้ กว้าง 8 ศอก (4 ม.) ยาว 16 ศอก (8 ม.) แต่พอพับแล้วเหลือขนาดนิดเดียวเพราะผ้าเนื้อละเอียดมาก ใส่ผอบทั้ง 8 ผืน หุ้มด้วยครั่ง พร้อมราชสานส์ให้พระเจ้าพิมพิสารเปิดในโรงพระราชฐาน ตอนประชุมอมาตย์เท่านั้น

พระเจ้าพิมพิสารจารึกแผ่นทอง

พระเจ้าพิมพิสาร ทรงตอบแทนด้วยการสลักจารึกเรื่องราวของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีปฏิบัติกรรมฐาน (engraved about ‘How to Meditate’ on a gold plate) ลงในแผ่นทองคำด้วยพระองค์เอง เพื่อให้พระเจ้าปุกกุสาติ และรับสั่งให้เสนาอำมาตย์เป็นราชทูต จัดขบวนช้างมงคลแห่แผ่นจารึกทองนี้ไปถวายพระเจ้าปุกกุสาติ พระเจ้าปุกกุสาติทรงขึ้นไปเปิดอ่านบนปราสาทชั้นบน อ่านแต่ละวรรค เกิดปิติ ขนาดต้องลดปิติลงจึงสมารถอ่านวรรคต่อไปได้ เกิดศรัทธา พระองค์เสวยสุขอยู่ในฌานถึงครึ่งเดือน ตัดสินพระทัยออกบวชถือผ้ากาสาวะ หรือผ้าล้างบาป เป็นกุลบุตรปุกกุสาติ ในขณะที่ประชาชนเดินตามตลอด จนพระเจ้าปุกกุสาติต้องเอาไม้ท้าวมาขีดแบ่งว่าแผ่นดินนี้เป็นของใคร ซึ่งประชาชนก็บอกว่าเป็นของพระองค์ พระองค์จึงว่าหากใครตามมามีโทษ ในคัมภีร์เรียกว่า กุลบุตรปุกกุสาติ เพราะออกบวชแล้ว

กุลบุตรปุกกุสาติไปโรงบ้านช่างหม้อ

กุลบุตรปุกกุสาติทรงยึดมั่นถ้อยคำในพระราชสาส์นว่าพระพุทธเจ้าอยู่ที่ราชคฤห์ พระองค์ก็จะเสด็จต่อไปถึงกรุงราชคฤห์ จึงมาทราบภายหลังว่าพระองค์เดินทางผ่านเลยมาจากที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่วัดเชตวัน 45 โยชน์ แต่เย็นแล้ว อีกทั้งกุลบุตรปุกกุสาติ เดินเท้ามาร่วม 200 โยชน์จนถึงบ้านช่างหม้อ จึงขอพัก พระพุทธเจ้ารู้ว่ากุลบุตรปุกกุสาติ เดินทางด้วยเท้าเปล่า พระพุทธเจ้าก็จะไปโปรดด้วยเท้าเปล่าเช่นกัน

เมื่อพระพุทธเจ้ามาถึงบ้านช่างหม้อในคืนนั้น ได้พักในห้องเดียวกับกุลบุตรปุกกุสาติ พระพุทธเจ้าปิดแสงรัศมีของพระองค์เพื่อไม่ให้ปุกกุสาติ รู้ว่าเป็นพระพุทธเจ้า ทั้งคู่นั่งขัดสมาธิฌาน หลังจากสนทนาก็ทราบว่า กุลบุตรปุกกุสาติ ออกบวชอุทิศแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า แต่กุลบุตรปุกกุสาติไม่รู้จักหน้าค่าตามาก่อน จึงเรียกพระพุทธเจ้าว่า “อาวุโส” พระพุทธเจ้าแสดงธรรมแก่ปุกกุสาติ และรู้ว่าปุกกุสาติได้ฌานจากการทำอานาปาณสติ พระองค์จึงให้ปุกกุสาติแยกธาตุ ดูจิต ดูเวทนา จนในที่สุดปุกกุสาติก็ทราบว่า “อาวุโส” ท่านนี้ก็คือพระบรมศาสดา ในขณะที่แสงรัศมีของพระพุทธเจ้าก็สว่างขึ้นพอดี กุลบุตรปุกกุสาติมีความยินดีอย่างมาก จึงขอบวช พระองค์จึงตรัสให้ กุลบุตรปุกกุสาติไปหาบาตรและจีวรให้ครบเพื่อการอุปสมบท

ปุกกุสาติถูกแม่วัดขวิดตาย

พระเจ้าพิมพิสาร มาเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า และรับทราบว่าพระพุทธเจ้ามาโปรดกุลบุตรปุกกุสาติพระสหาย ซึ่งตอนนี้ไปหาบาตรและจีวร ทันใดนั้นหลังจากกุลบุตรปุกกุสาติบรรลุอนาคามิผลแล้วก็ถูกแม่โคขวิดตาย เนื่องจากยังไม่อุปสมบท พระเจ้าพิมพิสารจึงทรงจัดการพิธีศพให้แต่ทรงเป็นพระราชา กุลบุตรปุกกุสาติไปเกิดในพรหมโลก เห็นความเกิด การปรุงแต่งอยู่ เลยเป็นพระอรหันต์ ณ ตอนที่เกิดใหม่ทันที

เรื่องนี้น่าจะสอนให้รู้ว่าถึงพระปุกกุสาติ จะบรรลุเป็นพระอานาคามี แต่ก็ยังต้องชดใช้กรรมจึงถูกโคขวิดตายก่อนบรรลุเป็นพระอรหันต์

1 Comment

Filed under Got_infringed

ทัวร์ไหว้พระ 9 วัด นครนายก

7/7/2556 ตรงกับวันพระ แรม 14 ค่ำ พอดี วันนี้รตจิตรและลูกตื่นแต่เช้าเพื่อไปทัวร์ไหว้พระ 9 วัด จังหวัดนครนายก และเช่นเคยคือรตจิตรจะเตรียมชุดสังฆทานสำหรับแต่ละวัด พร้อมทั้งหนังสือหรือ CD ธรรมะ และหนังสือการ์ตูนทักทายหลายภาษา (ไทย อังกฤษ จีน และพม่า) ซึ่งลูกของรตจิตรเป็นคนจัดทำโดยได้ sponsor จากที่ต่าง ๆ เช่น KBANK, LPN, เพื่อน ๆ เป็นต้น เพื่อฝากพระรูปที่รตจิตรทำสังฆทานให้แก่ห้องสมุดของโรงเรียนวัด หรือโรงเรียนใกล้เคียง เป็นต้น รตจิตรอยากเขียนรายการให้เพื่อน ๆ เผื่อเพิ่ม ideas ดี ๆ ได้บ้าง ทัวร์ไหว้พระ 9 วัด นครนายกวันนี้ โชคดีมากที่ฝนตกหนักไปแล้วเมื่อคืนตอนตี 2 ทำให้อากาศเช้านี้สบาย ๆ หลาย ๆ ครั้ง วันไหนที่รตจิตรไปทำบุญ แม้ว่าจะเข้าฤดูฝน แต่ฝนกลับไม่ตกช่วงที่พวกเราทำบุญ เรียกว่าเทวดาเป็นใจ แต่มักจะตกช่วงที่ขึ้นรถเพื่อจะเดินทางกลับบ้านแล้ว เช่นเดียวกับวันนี้ที่ไปทัวร์ไหว้พระ 9 วัด จังหวัดนครนายก ตลอดการขึ้นลงรถเมื่อถึงที่หมายแต่ละวัด กลับไม่มีฝนเลย ฝนมาตกก็ตอนเย็น ที่รตจิตรขึ้นมานั่งพักบนรถเพื่อรอกลับกรุงเทพ ฯ ได้แค่ 10 นาที หลังจากซื้อของที่ตลาดโรงเกลือ 2 เสร็จเรียบร้อย อย่างไรก็ตามกว่าจะได้รูปสวย ๆ กว่าจะได้ข้อมูลดี ๆ มาฝากเพื่อน เล่นเอาเหนื่อยไม่น้อยเพราะแต่ละจุดให้เวลาแค่ 20-30 นาที

รถออกจากสี่แยกฉิมพลี ถนนบรมราชชนนีตัดกับถนนกาญจนาภิเษกเวลา 7.00 น. รตจิตรแวะทานข้าวที่ปั้มปตท. ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นปั้มที่สะอาดกว่าปั้มน้ำมันอื่น ๆ มีป้ายติดว่า “PTT BEST CLEANING GUARANTEE ปตท. รับประกันห้องน้ำสะอาด” แต่วันนั้นรตจิตรว่าไม่สะอาดสักปั้ม โดยเฉพาะช่วงเย็นขากลับจากนครนายก สกปรกมาก และหลายห้องยังไม่มีน้ำด้วย ที่ปั้มปตท. นี้ก่อนเข้าตัวเมืองนครนายก พบนักปั่นจักรยาน ยี่สิบกว่าคน อายุตั้งแต่ 9-70 ปีเพื่อไปน้ำตกอ่างกลาง อำเภอบ้านนา รวมระยะทางปั่นจักรยานไป-กลับประมาณ 140 ก.ม. ดูสนุก มีความสุขกันทั้งทีม เข้าเรื่องกันดีกว่า ตอนนี้รตจิตรอยากให้เพื่อน ๆ มาดูรายการทัวร์ไหว้พระ 9 วัด จังหวัดนครนายกกันดีกว่าค่ะ

========================================

1. วัดเชี่ยวโอสถ (Chiew O-sod Temple)
จุดเด่นของวัดเชี่ยวโอสถ – น่าจะมีชื่อเสียงเรื่องยา สมุนไพร

รตจิตรไม่สามารถทำสังฆทานได้เพราะพระสงฆ์ทั้งวัดประมาณ 13 รูป เข้าไปอยู่ในอุโบสถทำพิธีบวชพระ วัดหลายแห่งที่นครนายกคล้าย ๆ กันตรงที่ นิยมมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ๆ ตั้งด้านหน้า หรือด้านข้างวิหารหรืออุโบสถ ที่วัดเชี่ยวโอสถยังมีรูปปั้นพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5 งามสง่ามากตั้งอยู่ด้วย สภาพวัดดูเรียบร้อยน่ารักดี มีโอ่งเรียงรายอย่างเป็นระเบียบใกล้ ๆ กุฏิพระจำนวนมากจริง ๆ

========================================

2. วัดมณีวงศ์
จุดเด่นของวัดมณีวงศ์ – การอธิษฐานขอพระพุทธรูปทองคำแท้ ด้วยการยกขึ้นให้ได้

พอถึงวัดมณีวงศ์ ก็เห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ได้อย่างชัดเจน ที่วัดมณีวงศ์คือ ปางป่าเลไลยก์ โบสถ์ก็สวยงามมาก พวรตจิตรเดินเข้าไปในศาลาบำเพ็ญบุญ ที่หลวงพี่ต่อ – รองเจ้าอาวาส หรือพระอาจารย์กฤษฎาพร กนฺตวีโร ทำพิธีกรรมทางพุทธศาสนาอยู่ ท่านอายุเพียง 31 จำพรรษามา 9 พรรษา แต่สามารถทำให้วัดมณีวงศ์เปลี่ยนแปลงในทางดีมีชื่อเสียงอย่างมาก เป็นผู้ริเริ่มให้เช่าวัตถุมงคลลักษณะโบราณมากมาย ตามหนังสือของยายของหลวงพี่ต่อ ได้แก่ นางกวัก 5 มือ ทั้งแบบสะโอดสะองยืนหาบกระจาดเงิน กระจาดทอง และนางกวักแบบสมบูรณ์พูนสุขในท่านั่ง ควายคันธนู กุมารพรหมที่บูชาด้วยดอกบัวสีชมพูและน้ำ และหลวงพ่อทันใจ ซึ่งกำลังจะหล่อเสร็จ เป็นต้น

รตจิตรได้ไปอธิษฐานขอพร ด้วยการยกพระพุทธรูปทองคำแท้สูงประมาณ 10 นิ้ว ถ้ายกขึ้นได้หมายถึงสัมฤทธิ์ผล รตจิตรยกได้ แต่ค่อนข้างหนักจริง ๆ แสดงว่าทำได้แต่ไม่ค่อยง่าย ด้านหลังพระพุทธรูปทองคำ เป็นพระพุทธรูปคล้ายขอม และด้านหลังมีฉากแบบพม่า รตจิตรสงสัยว่าทำไมมีหลายประเทศ สอบถามได้ความว่า ชาวบ้านนำมาถวายวัด

หลวงพี่ต่อกำลังทำพิธีเปิดเนตรพระพิฆเนศที่ชาวบ้านนำมาถวาย พวกเราก็เลยร่วมทำบุญด้วยโดยการนำแบงค์มาแมกซ์ต่อกันเป็นสายพวงมาลัยคล้องรูปหล่อพระพิฆเนศ นอกจากนี้ ที่วัดมณีวงศ์ รตจิตรได้ฝากหลวงพี่ต่อเพื่อให้หนังสือแก่เด็กนักเรียนร่วม 300 คนที่โรงเรียนวัดคลองโพธิ์ ซึ่งทางวัดกำลังพัฒนาการศึกษาดูแลอยู่

========================================

3. วัดเขาพระ (Khao Phra Temple)
จุดเด่นของวัด – หลวงพ่อพิชิตมาร 9 แผ่นดิน

พอถึงวัดเขาพระ ก็เห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ได้อย่างชัดเจน คือ พระกาสีนาคอุปคุต หรือเรียกสั้น ๆ ว่าพระอุปคุต รตจิตรเข้าโบสถ์ไหว้พระและทำสังฆทานพร้อมทั้งถวานหนังสือการ์ตูนทุกทาย เช่นเคย พระประธานคือ หลวงพ่อพิชิตมาร 9 แผ่นดิน ปางชนะมาร

รตจิตรขอย่อประวัติที่ได้จากด้านข้างโบสถ์ความว่าสมัยธนบุรี-รัตนโกสินทร์ตอนต้น ที่พวกลาวใหญ่อพยพมาจากเวียงจันทร์ แต่หลงป่าเพราะไม่ชำนาญทางครั้งไปหาของป่าบนภูเขา จึงอธิษฐานให้เจ้าป่าเจ้าเขาคุ้มครอง ได้เห็นเป็นพระพุทธรูปปรากฏอยู่ หลังจากกลับบ้านได้ก็ได้อัญเชิญพระพุทธรูปนั้นมาประดิษฐานที่วัดเขาพระ ด้านซ้ายโบสถ์มีพระอุปคุต เป็นพระพุทธรูปปางจกยาตร เอียงหน้าขึ้นฟ้า

========================================

4. วัดเขาทุเรียน (วัดสีชมพู) (Khao Thurian Temple)
จุดเด่นของวัด – เป็นวัดสีชมพู และสุดยอดห้องส้วมแห่งปี

เดิมเป็นเขาที่ปลูกแต่ต้นทุเรียน แต่พอต้นแก่มาก ตายหมดเพราะปลวกกินราก เมื่อสร้างวัดเขาทุเรียน ชาวบ้านก็ยังปลูกต้นทุเรียนไว้อีก 70 ต้น แต่ก็ไม่วายที่ปลวกจะกินรากจนต้นตาย ปัจจุบันเหลือแค่ 20 ต้น อย่างไรก็ตามพระปลัดวิศิษฐ์ – เจ้าอาวาสเล่าว่า สมัยก่อน เจ้าอาวาสดั้งเดิมฝันว่า รัชกาลที่ 5 เสด็จมาเข้าฝันว่า วัดนี้จะเจริญรุ่งเรืองมาก ๆ ขึ้นถ้าใช้สีชมพู นับแต่นั้นมาวัดจึงมีเกือบทุกอย่างเป็นสีชมพู

วัดนี้ยังมีส้วมที่ได้รางวัลระดับประเทศจากสำนักงานสาธารณสุขให้เป็นส้วมสุดยอดแห่งปี 2552 – Happy Toilet หน้าห้องส้วมมีอุปกรณ์ไม้หลายแบบเพื่อให้ญาติโยมบริหารขาและเท้ากันอย่างสบาย ๆ
เมื่อทำสังฆทานและถวายหนังสือการ์ตูนทักทายให้โรงเรียนของวัดแล้ว เจ้าอาวาสได้ให้วัตถุมงคลของวัดเป็นปูนหล่อ รัชกาลที่ 5 สีชมพูและสายสิญจน์สีชมพูเช่นกัน หวานแหววไปหมด

========================================

5. วัดเขาแดง (Khao Daeng Temple)
จุดเด่นของวัด – หลวงพ่อใหญ่ หรือพระพุทธนิมิตมงคล ถ้าบูชาด้วยความศรัทธาชีวิตจะไม่ล้ม

พอถึงวัดเขาพระ ก็เห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ได้อย่างชัดเจน คือ ด้านข้างศาลามีรูปปั้นพระพรหมองค์ใหญ่มาก ด้านข้างมีพระศิวะที่คนไทยเรียกว่าพระอิศวร นอกจากนี้ยังมีการลอดท้องช้างเอราวัณ – ช้างทรงของพระอินทร์ และการลอดโบสถ์เพื่อเสริมสิริมงคล หรือสะเดาะเคราะห์ด้วย

พุทธคุณที่วัดเขาแดงคือ ที่ศาลาบำเพ็ญบุญ หากยืนด้วยขาขวาขาเดียว กางมือทั้งสองออก โดยมือขวากำหลวงพ่อใหญ่ และท่องมนต์บูชาหลวงพ่อใหญ่แล้ว จึงตบแขนซ้ายอย่างไรก็ไม่ล้ม ความหมายก็คือถ้าสวดบูชาหลวงพ่อใหญ่ด้วยความศรัทธาแล้วจะแข็งแรง คือแข็งแรงทั้งสุขภาพและธุรกิจ
ก่อนที่รตจิตรจะออกจากวัด พวกเราก็ได้เลขเด็ด เลขท้าย 2 ตัว และเลขท้าย 3 ตัว แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละบุคคลนะจ๊ะ

========================================

6. วัดนางรอง (วิมานกลางหาว) (Nang Rong Temple)
จุดเด่นของวัด – ธนบัตรรวยแสนล้าน มูลค่า 1,000 บาท

เป็นวัดที่สวยงามมากด้วยสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยภูเขา วัดตั้งอยู่ที่ 84 ม.3 ต.หินตั้ง อ.เมือง นครนายก พอถึงวัดนางรอง ก็เห็นรูปปั้นองค์ใหญ่ได้อย่างชัดเจน คือ เจ้าแม่กวนอิม ทางวัดยกสูงไว้บนเขาบันไดพญานาค ในอิริยาบถยืนเทน้ำจากแจกันสวยงามจริง ๆ มีจานใส่ปัจจัยที่ให้ญาติโยมทำบุญตามวัดเกิด

มังกรคู่ที่ขึ้นไปบนเจ้าแม่กวนอิมสร้างได้สมส่วนมาก ด้านซ้ายโบสถ์มีรูปหล่อพระพุทธชินราช สวยงามไปด้วยวิวที่ล้อมรอบด้วยภูเขาและต้นไม้ใหญ่ พญานาค 7 เศียร สีเขียว กับสีน้ำเงินตรงบันไดขึ้นไปยังโบสถ์เป็นสิ่งที่เห็นได้บ่อยตามวัดที่จังหวัดนครนายก นอกจากนั้นยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ บริเวณวัดด้านใน ได้แก่ ครอบครัวพระศิวะ – พระแม่อุมา – พระพิฆเนศ และวิหาร รัชกาลที่ 5 – รัชกาลที่ 8 – กรมหลวงชุมพรอุดมเดช ระหว่างทางเดินไปห้องน้ำก็มีรูปปั้นสัตว์ต่าง ๆ ทั้งเล็กใหญ่ยืนเรียงรายงดงามทั้งนั้น
หลังจากทำบุญ เจ้าอาวาสจะให้ธนบัตรรวยแสนล้าน มูลค่า 1,000 บาท เป็นธนบัตรขวัญถุง เพื่อพกติดตัวให้มั่งมีศรีสุข เงินทองไหลมาเทมา

========================================

7. อุทยานพระพิฆเนศ (Ganesh Park)
จุดเด่นของอุทยาน – พระพิฆเนศปางใหญ่ 2 ปาง คือนั่ง หน้าตักกว้าง 9 เมตร สูง 15 เมตร และปางเสวยสุข ตลอดจนพระพิฆเนศปางอื่น ๆ อีกมากมายทั้งรูปปั้น รูปหล่อ และตามผนังกำแพง

รตจิตรมาที่อุทยานพระพิฆเนศ หลายครั้งแล้ว คราวนี้รตจิตรได้เตรียมหนูที่ซื้อมาพระพิฆจากเมืองปะกัน หรือที่คนไทยเรียกว่าพุกาม ประเทศพม่ามาถวายรตจิตรด้วย หนูในท่าหมอบยกก้นน่ารักมาก ๆ ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ที่อุทยานพระพิฆเนศมีปางใหญ่ ๆ 2 ปาง คือพระพิฆเนศปางนั่ง และปางเสวยสุข ซึ่งมี 4 แขน ฝ่ามือขวามีคำว่า โอม และอีกมือถือพระคัมภีร์ ส่วนมือซ้ายถือของดอกบัว และส่วนที่หักงาขวา นอกจากนี้ยังมีพระพิฆเนศปางอื่น ๆ อีกมากมายทั้งรูปปั้น รูปหล่อ และตามผนังกำแพง

นอกจากพวกเราจะเดินเวียนเทียน 3 รอบแล้ว ยังขอพรพระพิฆเนศ เสร็จแล้วต้องไม่ลืมไปกระซิบหนูหูทิพย์ เพื่อให้เตือนพระพิฆเนศถึงพรต่าง ๆ ที่เราขอไว้โดยให้ปิดหูหนูไว้ข้างหนึ่ง แล้วกระซิบบอกที่หูอีกข้างหนึ่ง อาจให้ปัจจัยหนูตามศรัทธาด้วยก็ได้

========================================

8. อุทยานพุทธชยันตี (Budhachayantee Park)
จุดเด่นของอุทยาน บนเนื้อที่ 53 ไร่ – พระพุทธรูปที่เป็นพระอรหันต์จำนวน 1,250 องค์ + พระพุทธรูปของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

บางคนเรียกว่าพิพิธภัณฑ์ ขณะนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี เพราะกำลังสร้างต่อไปเรื่อย ๆ รายล้อมด้วยภูเขาเป็นวงกว้าง ลูกของรตจิตรได้หยอดเหรียญทำบุญในบาตรของพระพุทธรูปที่นั่งล้อมรอบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งประทับอยู่องค์กลาง เฉพาะที่เรารู้จัก เช่น พระอานนท์ พระโมกขลานะ โกณฑัญญะ พระวัปปะ พระภัททิยะ พระมหานามะ และพระอัสสชิ ฯลฯ แต่มีพระพุทธรูปที่ลูกของรตจิตรได้หยอดเหรียญลงบาตรทั้งหมด มีรูปเดียวที่เราไม่รู้จักแต่อยากให้ส่งผลบุญให้พวกนี้ เพื่อให้เป็นคนดีกันคือ พระรัฐบาล

========================================

9. วัดพราหมณี (Luangphopakdang Temple)
จุดเด่นของวัด – หลวงพ่อปากแดง จนชาวบ้านเรียกกันว่า วัดหลวงพ่อปากแดง

วัดพราหมณี ณ ต.บ้านใหญ่ อ.เมือง จ.นครนายกหน้าโบสถ์ มีรูปปั้นช้างตัวใหญ่มากเห็นได้อย่างชัดเจน คือ ด้านหน้าซ้ายมีรูปปั้นช้างพลายแก้ว และขวาคือพลายทอง ให้รอดใต้ท้องช้างเพื่อเป็นศิริมงคล
รตจิตรสอบถามพระรูปหนึ่งในวัด ท่านเล่าว่าหลวงพ่อปากแดงมีอายุ 400 กว่าปีโดยได้ข้อมูลจากกรมศิลปากร เป็นพระพุทธรูปจากเวียงจันทร์ แต่มาอยู่ที่นครนายกได้ปี 2556 นี้ เป็นปีที่ 110 ปี รตจิตรมองท่านแล้วรู้สึกสงบมาก แต่กลายเป็นว่าประชาชนนิยมมาขอหวย วันนี้เช่นกันในบาตรน้ำมนต์ของเจ้าอาวาส คนเห็นเลขเด็ด เลขท้าย 2 ตัวและเลขท้าย 3 ตัวชัดมาก ๆ ถูกหรือไม่ว่ากันทีหลัง

ด้านหน้าของหลวงพ่อปากแดง มีรอยพระพุทธบาทจำลอง มีแบงค์เรียงอย่างสวยงาม พวกรตจิตรนิยมนำเหรียญ 1, 5, 10 บาทวางตั้งไว้ที่รอยพระพุทธบาท เอาวิธีบูชาหลวงพ่อปากแดงที่ติดไว้ด้านหน้าโบสถ์ของหลวงพ่อมาฝาก โดยควรระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยก่อน จากนั้นจึงเตรียมปัจจัยเหล่านี้ คือ
1. จุดธูป 3 ดอก บูชาหลวงพ่อปากแดง
2. จุดธูป 9 ดอก บูชาเพื่อบนบานศาลกล่าว หลวงพ่อปากแดงศักดิ์สิทธิ์ เมื่อคุณสำเร็จแล้ว มาแก้บนด้วยธูป 9 ดอก และสิ่งของที่คุณบอกกล่าว เช่น กล้วยน้ำว้า น้ำแดง ผลไม้ พวงมาลัย หรือที่บอกกล่าวไว้ครบตรมจำนวนที่คุณจะมานำถวาย เป็นต้น (ปกติทางวัดมีจัดไว้)
3. จุดธูป 16 ดอก บูชาเพื่อโชคลาภขอเรื่องใหญ่
4. ทุกวันพระ 8 ค่ำ 15 ค่ำ ให้ถวายของบูชาหลวงพ่อปากแดงด้วยน้ำแดง กล้วยน้ำว้า ดอกดาวเรือง (ปกติทางวัดมีจัดไว้ สมัยก่อน จะเห็นแต่แฟนต้าน้ำแดง ปัจจุบันมีแต่ เอส est)
5. ถวายน้ำเปล่าทุกวันอย่าให้ขาด
เสร็จสรรพก็เดินตลาดด้านหน้ามีกล้วยนาก ซึ่งนิยมใช้ในงานมงคล ลูกหวาย ลูกหมาก สมอไทย แหนมปลาชโด ผลไม้ของจังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มะนาว และสินค้าที่ทำจากกระบอกไม้ไผ่ เป็นต้น

ก่อนกลับบ้าน เป็นธรรมเนียมของทัวร์ต้องแวะ shopping วันนี้คือตลาดโรงเกลือ 2 รตจิตรตรงไปที่ร้านขายกระเป๋า แม้จะมีกระเป๋าเต็มร้าน ลูกค้าหรือคนซื้อก็เยอะอยู่ แต่รตจิตรก็ได้กระเป๋าสะพายมาด้วย ซื้อด้วยความรวดเร็ว เพราะลูกช่วยเลือกให้ คนขายเกือบทุกร้านเป็นเขมรแต่พูดไทยได้คล่อง รตจิตไม่แน่ใจว่าตลาดโรงเกลือของ่เรามีกี่แห่ง แต่ที่เคยไปตลาดโรงเกลือทั้งหมดในประเทศไทยน่าจะมี 3 แห่งคือที่จังหวัดชัยภูมิ ที่นครนายก และที่กรุงเทพ ฯ –สถานีขนส่งภาคใต้ วันนี้เหนื่อยแล้ว รตจิตรและลูกเลยรีบซื้อของมากินในรถ ช่วงที่รอคนอื่น ๆ ขึ้นรถก็ฝนตกหนักพอดี เป็นอันว่าพวกเราโชคดีอีกแล้วที่ไม่โดนฝน……. แล้วจะเขียนมาเล่าสู่กันฟังใหม่นะจ๊ะ สวัสดีจ้า

========================================

2 Comments

Filed under Got_infringed

วัดพระพุทธไสยาสน์ (วัดพระนอน) ยาวที่สุดอันดับ 4 ของไทย จังหวัดเพชรบุรี

กลับหน้าหลัก ทัวร์ 7 วัด

วัดพระพุทธไสยาสน์ (วัดพระนอน) ตั้งอยู่ถนนคีรีรัถยา ตำบลคลองกระแชง อำเภอเมือง เพชรบุรี อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเขาวัง รตจิตรสันนิษฐานหรือคาดว่าเป็นวัดที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาเช่นเดิม พระพุทธไสยาสน์หรือวัดพระนอนนี้ถือว่าเป็นพระที่ใหญ่หรือยาวมากวัดหนึ่ง แต่พระนอนที่ยาวที่สุดในประเทศไทยเรียงตามลำดับคือ
พระนอนยาวอันดับ 1 อยู่ที่วัดบางพลีใหญ่กลาง จังหวัดสมุทรปราการ คือยาวถึง 53 เมตร
พระนอนยาวอันดับ 2 อยู่ที่วัดขุนอินทประมูล จังหวัดอ่างทอง ยาว 50 เมตร
พระนอนยาวอันดับ 3 อยู่ที่จังหวัดสิงห์บุรี ยาว 47 เมตร
ครั้งนี้ รตจิตร มานมันการ พระนอนยาวอันดับ 4 อยู่ที่นี่เอง ที่วัดพระพุทธไสยาสน์ (วัดพระนอน) จังหวัดเพชรบุรี ยาว 43 เมตร เท่ากับรตจิตรได้ไหว้มาเกือบครบหมดแล้ว

รตจิตรไปดูแล้วพระนอนที่วัดพระพุทธไสยาสน์ ก็ใหญ่จริงๆ และสวยด้วย สวยมาก พอไหว้พระนอนเสร็จ ก็ไปไหว้พระประธานซึ่งมีลักษณะยิ้มแย้ม ประทับอยู่ในโบสถ์ซึ่งเป็นศิลปะไทย ที่กำแพง มีการวาดเทวดามาชุมนุมกัน แต่ทางเข้าโบสถ์ที่พวกเราถอดรองเท้าก่อนเข้าไปในโบสถ์กลับมีลักษณะแปลกคือเหมือนสะพานจีน ที่วัดนี้นิยมบูชาพุทธคุณสมเด็จเพ็ชรกลับ (มเหศวร) เพราะถือว่ามีไว้บูชา ไม่เจ็บ ไม่จน เป็นมหามงคลแก่บ้านเรือน ร้านค้า สถานประกอบการ ฯลฯ

จุดที่น่าสนใจของวัดพระพุทธไสยาสน์ (วัดพระนอน) คือมี 2 วิหาร คือวิหารพระนอน ตามที่รตจิตรได้บรรยายไปแล้ว และที่น่าสนใจอีกวิหารคือ วิหารพระยืน ด้านนอกดูเหมือนเป็นซุ้มเก๋งจีน ประมาณนี้ ครั้งแรก รตจิตรคิดว่าคงจะเห็นพระพุทธรูปยืน ที่ไหนได้เป็นการแกะสลักหินทั้งแผ่นเป็นพระยืนสูงถึงสุดหลังคา น่าจะเป็นแห่งเดียวในประเทศไทยหรือเปล่า ไม่แน่ใจ?

~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~
ทัวร์ 7 วัด 3 จังหวัด สมุทรสาคร เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์
~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~
วัดเจริญสุขาราม
ซื้อรังนก
วัดเขาตะเครา
วัดถ้ำเขาหลวง
วัดใหญ่สุวรรณาราม
วัดพระพุทธไสยาสน์
วัดห้วยมงคล
วัดเขาบันไดอิฐ

1 Comment

Filed under Got_infringed

วัดเขาบันไดอิฐ ไหว้หลวงพ่อแดง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

กลับหน้าหลัก ทัวร์ 7 วัด

การไหว้พระ 7 วัดกับขสมก. มาถึงวัดสุดท้ายแล้วค่ะ คือวัดเขาบันไดอิฐ เป็นเขาไม่ใหญ่เท่าถ้ำเขาหลวง การที่ ขสมก.เลือกเส้นทางให้วัดเขาบันไดอิฐ เป็นวัดสุดท้ายเพราะวัดเขาบันไดอิฐอยู่ห่างจากเขาวังแค่ 2-3 กม. คือใกล้เส้นทางกลับกรุงเทพ ฯ ทำให้ไม่ได้กลับเส้นทางเดิมที่เข้าด้านข้างปั้ม ปตท. เพื่อน ๆ คงยังจำได้นะคะ ซึ่งถูกต้องคร้าบ เพราะมืดค่ำควรใช้เส้นทางหลัก จะปลอดภัยกว่า และก็ไม่จำเป็นต้องดูวิวทิวทัศน์ 2 ข้างทาง เพราะมองไม่เห็นหรอก

วัดเขาบันไดอิฐอยู่บนยอดเขา ที่ทางเข้ามีป้ายชื่อวัดอยู่ระหว่างหงส์ทอง 2 ตัว ถ้าต้องการจะดูพระพุทธรูปต่าง ๆ ในถ้ำก็สามารถลงทางลาดไปดูได้ รตจิตรเสียดายมากที่ไม่ได้ลงไปดู ทั้ง ๆ ที่เด็กนักเรียน 2-3 คนอาสาจะเป็นมัคคุเทศก์ให้ เพราะเวลาจำกัดจริง ๆ และเกรงใจคนอื่นที่ต้องการกลับบ้านแล้ว ลูกทัวร์ส่วนใหญ่มาวัดนี้เพื่อเช่าหลวงพ่อแดง ที่ว่าศักดิ์สิทธิ์ มีหนังสือของหลวงพ่อแดงขายมากมายในราคาย่อมเยา รตจิตรได้ไปไหว้และทำสังฆทานกับเจ้าอาวาท ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อแดง

เป็นที่น่าสังเกตว่าวัดต่าง ๆ ที่จังหวัดเพชรบุรีรวมถึงวัดเขาบันไดอิฐด้วย นิยมมีช้างทองให้ยก ให้ถามคำถามเหมือนกัน 2 รอบ โดยให้รอบแรกยกช้างขึ้น รอบที่ 2 ยกไม่ขึ้นเป็นต้น แต่ถ้าเป็นผู้หญิงก็ใช้นิ้วนาง ผู้ชายก็ใช้นิ้วก้อย เพื่อน ๆ ลองทำกันดู รตจิตรก็ขอให้สมความปรารถนาละกัน อ้อขอกระซิบนิดนึงว่า ที่วัดนี้ ควรทำความสะอาดให้เพิ่มขึ้น เพราะปัจจุบันมีแมลงวันมากจริง ๆ และที่สะดุดตามในห้องส้วมอย่างหนึ่งสมกับชื่อวัดเขา…… เพราะมีบางส่วนของภูเขาอยู่ในห้องน้ำให้เห็นจะ ๆ กันเลย

สุดท้ายเหมือนทัวร์ทั่วไปคือ ก่อนกลับก็ต้องแวะให้ Shopping ตามสไตล์คนไทย ครั้งนี้แวะที่แม่กิมลั้ง เหมือนทุกครั้งที่มาเมืองเพชร ก่อนที่จะเดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ

~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~
ทัวร์ 7 วัด 3 จังหวัด สมุทรสาคร เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์
~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~
วัดเจริญสุขาราม
ซื้อรังนก
วัดเขาตะเครา
วัดถ้ำเขาหลวง
วัดใหญ่สุวรรณาราม
วัดพระพุทธไสยาสน์
วัดห้วยมงคล
วัดเขาบันไดอิฐ

Leave a comment

Filed under Got_infringed

เทคนิค/วิธีการสอบใบขับขี่ภาคปฏิบัติ ท่าถอยหลังเทียบจอด (ท่าที่ 1)

ถอยหลังเทียบจอด ท่าสอบใใบขับขี่ ท่าที่ 1

**งานเขียนนี้ ถือเป็นวิทยาทานเพื่อให้ทุกคนได้อ่าน โดยห้ามมิให้คัดลอกนำไปใช้เพื่อการค้าหรือนำไปใช้ในเว็บไซต์อื่น โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่มีโฆษณา ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งนี้อนุญาตให้นำไปใช้ในสถาบันการศึกษา โดยต้องอ้างอิงแหล่งที่มาและชื่อผู้เขียน

หลักเกณฑ์และเทคนิค ท่าที่ 1 ถอยหลังเทียบจอด มีดังต่อไปนี้

(1) ห้ามใช้เกิน 7 เกียร์ ซึ่งนับเกียร์แรกคือตอนเดินหน้าขึ้นมาตั้งลำตรง ดังนั้นจะเหลือเพียง 6 เกียร์สำหรับเดินหน้าและถอยหลังจอดให้อยู่ในกรอบแดง หมายความว่า เมื่อถอยแล้วไม่ตรงกรอบ ท่านมีโอกาสแก้ตัวขึ้นหน้าใหม่ถึง 2 ครั้ง

(2) จำไว้ว่า คนส่วนมากจะถอยหลังชนหลัก หรือเบียดข้างก่อนเกียร์ที่ 7 ดังนั้นถ้าไม่แน่ใจก็เดินหน้าใหม่ซะ

(3) เกียร์เดียวอาจถูกนับเป็น 2 เกียร์ เพราะเจ้าหน้าที่ดูพลาด เช่นถอยหลังแล้วหยุด แล้วถอยหลังต่อ ดังนั้นแนะนำว่าถ้าจะหยุดก็อย่าหยุดนาน เพื่อความเข้าใจอันดีของเจ้าหน้าที่

(4) ขนาดกรอบ 4 เหลี่ยมที่จะให้จอดอยู่ภายในกรอบแดงนี้คือ 2.5X5 เมตร โดยมีกรอบ 2 ชั้น คือกรอบด้านนอกสีแดง สำหรับขนาดรถมาตรฐาน และกรอบสีเหลืองด้านใน สำหรับรถขนาดเล็ก เช่น Honda Jass, Mini couper, Mazda 2 (รถจิ๋ว), Mitsubishi 1200 cc

(5) ด้านหน้าเหนือกรอบแดงนี้ ไกลออกไป 2.5 เมตรมีกำแพงสีส้มกั้นไว้ ส่วนด้านหลังเลยกรอบแดงไปเพียง 1 คืบมือ ก็มีกำแพงสีส้มกั้นไว้ ต้องไม่เฉี่ยวชน เพราะแค่ไปแตะถูกมันเบา ๆ ไม้ก็จะขยับแล้วเจ้าหน้าที่ก็จะเห็น รตจิตรอยากให้เพื่อน ๆ อย่ากลัวกำแพงด้านหน้านี้มากนัก เพราะถ้าห่างมันมากจะไปชนกำแพงด้านหลัง หรืออาจทับกรอบ ซึ่งคนสอบตกกันเป็นจำนวนมาก

(6) หันไปดูไม้ที่เสียบที่กำแพงด้านหลัง ถ้าเป็นรถ 4 ประตู ให้ห่างมันไว้ประมาณ 3 ฟุต มันใจไว้ว่าไม่เกินขอบหน้าแน่ ๆ

(7) ถ้าคิดว่าชัวร์ ก็เปิดกระจกชูมือขวาให้กรรมการในซุ้มเห็น บางวันเจ้าหน้าที่ขนส่งใจดีอาจให้เปิดกระจกรถ คนสอบก็ชำเลืองดูได้ว่าทับเส้น ทับกรอบหรือไม่ แต่วันที่เพื่อนของรตจิตรไปสอบนั้น ห้ามเปิดกระจกก็เลยลำบากนิดหน่อย ยังไงโชคก็เข้าข้างเธอ เธอผ่านฉลุยค่ะ

(8) ถ้าใครสอบผ่านหรือตกท่านี้ก็ไปสอบท่าที่ 2 และ 3 ได้เลยง่าย ๆ แต่ก็มีคนสอบตกท่าที่ 2 เช่นกันประมาณ 20% – 30% ของจำนวนคนที่เข้า ส่วนท่าที่ 1 นี้หรือ คนสอบตกมากกว่า 80% นะจะบอกให้

(9) เทคนิคการสอบภาคปฏิบัติให้ผ่าน ท่าที่ 1 = อย่ารีบร้อน ให้ใช้ความเร็วแบบต่ำสุด กรณีของเพื่อนรตจิตร ไม่ต้องไปกังวลเรื่องล้อหลังถึงหลักแล้วหมุนพวงมาลัย แบบที่โรงเรียนสอนขับรถเขาสอนกัน แต่แนะนำให้ขับรถคันที่จะเอามาสอบบ่อย ๆ เพื่อให้คุ้นกับมัน แล้วหมุนพวงมาลัยไปเรื่อย ๆ ตามความรู้สึก

(10) คนที่เช่ารถ อาจเจอปัญญาที่เขาไม่ยอมให้ปรับกระจก ซึ่งถ้าจำเป็นก็ไปคุยกับเขาได้

**งานเขียนนี้ ถือเป็นวิทยาทานเพื่อให้ทุกคนได้อ่าน โดยห้ามมิให้คัดลอกนำไปใช้เพื่อการค้าหรือนำไปใช้ในเว็บไซต์อื่น โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่มีโฆษณา ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งนี้อนุญาตให้นำไปใช้ในสถาบันการศึกษา โดยต้องอ้างอิงแหล่งที่มาและชื่อผู้เขียน

ท่าถอยหลังเทียบจอด วาดโดยสวอิเฎล

ถอยหลังเทียบจอด ท่าสอบใบขับขี่ ท่าแรก


อ่านบทความที่เกี่ยวข้องตามลำดับ
(0) วัตถุประสงค์ที่รตจิตรเขียนเรื่องการสอบใบขับขีปี 2555
(1) เอกสารที่ต้องเตรียมไปที่กรมขนส่ง เมื่อจะไปสอบใบขับขี่
(2) ทางไปสนามสอบใบขับขี่ใหม่ กรมขนส่ง ตลิ่งชัน (พื้นที่ 2)
(3) ขั้นตอนรับบัตรคิว ก่อนสอบใบขับขี่
(4) การทดสอบสมรรถนะก่อนสอบใบขับขี่ข้อเขียน
(5) ฟังบรรยายก่อนสอบข้อเขียน
(6) ขั้นตอนการสอบใบขับขี่ข้อเขียน E-Exam
(7) เทคนิคการสอบใบขับขี่ข้อเขียนให้ผ่าน
(8) เวลารับบัตรคิวเพื่อสอบภาคปฏิบัติเพื่อขอใบอนุญาตขับขี่
(9) บรรยายการสาธิตการสอบภาคปฏิบัติเพื่อขอใบอนุญาตขับขี่ใหม่
(10) เทคนิค/วิธีการสอบใบขับขี่ภาคปฏิบัติ ท่าถอยหลังเทียบจอด (ท่าที่ 1)
(11) เทคนิค/วิธีการสอบใบขับขี่ภาคปฏิบัติ ท่าจอดทับเส้น (ท่าที่ 2)
(12) เทคนิค/วิธีการสอบใบขับขี่ภาคปฏิบัติ ถอยหลังตรง (ท่าที่ 3)
(13) ป้ายจราจรในสนามสอบใบขับขี่
(14) เทคนิค/วิธีการสอบใบขับขี่ภาคปฏิบัติ ขึ้นสะพาน (เกียร์กระปุก)
(15) การเสียค่าธรรมเนียมเพื่อใบอนุญาตใหม่

3 Comments

Filed under Got_infringed