ประวัติของกุณฑลเกสีเถรี หาอ่านได้ทั่วไป ดังนั้น สว อิเฎล จะพูดโดยสรุป คือ ก่อนที่นางจะเป็นกุณฑลเกสีเถรี นางเป็นลูกเศรษฐี หลงรักโจรหน้าตาดี และแต่งงานกัน โจรคิดฆ่าเธอ เธอจึงวางอุบายผลักโจรตกเหวตาย แต่มาเธอได้บวช และบรรลุเป็นพระอรหันต์
ประเด็นที่ สว อิเฎล สนใจเกี่ยวกับกุณฑลเกสีเถรี คือ นางตัดสินใจเลือกคู่ด้วยตนเอง การกระทำของนางเป็น Active หมายถึงเป็นผู้กระทำ เป็นผู้เลือก เป็นผู้ตัดสินใจ นางไม่ใช่ passive เหมือนนางเองในภาพยนตร์ทั่วๆ ไป
ประเด็นต่อมา คือ แม้ว่า สว อิเฎล และเพื่อน ๆ จะทราบดีว่า เรี่ยวแรงผู้หญิงจะสู้เพศชายไม่ได้ แต่เธอก็ยังสู้ สู้เพื่อให้ตนเองรอดพ้นเนื้อมือชายชั่ว หมายความว่า เธอสามารถพึ่งตนเองได้ ปกป้องตนเองได้ มีความหมายว่า Independence
ประเด็นที่สำคัญ ที่ สว อิเฎล โปรดปราน และตีความได้เป็นอย่างสุดท้ายคือ เธอบรรลุเป็นอรหันต์ ศาสนาพุทธถือได้ว่าเหลื่อมล้ำทางเพศอย่างมาก ภิกษุมีศีล 227 ข้อ ส่วนภิกษุณี ต้องมีถึง 331 ข้อ แถมยังเหยียดเพศว่า การมีภิกษุณีทำให้ศาสนาอ่อนแอ และการทำสังฆทานกับภิกษุณีได้บุญน้อยกว่าภิกษุ ทั้ง ๆ ที่มีศีลมากกว่า ศาสนาพุทธในสมัยนั้น เป็นศาสนาที่ชนชั้นสูงยอมรับนับถือ และการที่เป็นศาสนาที่กำลังโด่งดังมากขึ้น บวกกับการเหยียดเพศ กุณฑลเกสีเถรี สามาถพิสูจน์ได้ว่า ตนเองสามารถไปได้ถึงขั้ันสูงสุด แม้จะตามกฎระเบียบที่เพศชายตั้งไว้กีดกันตน การเป็นพระอรหันต์มิใช่เรื่องง่าย ผู้ชายหลายคนทำไม่ได้ และอยากทำให้ได้
ด้วยการที่ภิกษุณีถูกกีดกัน และถูกดูถูกว่าทำบุญแล้วได้บุญน้อยกว่าทำกับภิกษุ กุณฑลเกสีเถรี ทำให้เราทราบว่า แม้ผู้หญิงในองค์กรที่มีแต่เพศชายเป็นใหญ่ เธอก็จะสามารถพัฒนาตนจนขึ้นสู่จุดสูงสุดได้ แม้องค์กรจะกีดกันเธอ เธอจะเดินตามกฎระเบียบ ไม่ผิดเพียนแม้แต่น้อย ข้อจำกัดและอุปสรรคจะมีมากเพียงใด ผู้หญิงสามารถฟันฝ่าได้ เพียงเชื่อในความสามารถของตน เชื่อว่าตนเองไม่ได้ต่ำต้อยด้อยค่าไปกว่าผู้ชาย ที่วางแผน วางกฎ เพื่อให้เพศของพวกเขาเป็นใหญ่ฝ่ายเดียว
สว อิเฎล ขอเป็นกำลังใจให้ผู้หญิงทุก ๆ คน ที่อยู่ในสังคม หรือองค์กรที่ผู้ชายหัวโบราณยังเหยียดเพศกันอยู่ เราต้องไม่ลืมสิ เรื่องกีดกันผู้หญิงที่เล่ามานั้น มันเก่าแก่กว่า 2500 ปีแล้วนะ